หลังจากหัวหมู่ทะลวงฟันคู่ใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้นำทัพพลพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาปูดว่าการยุบสภาเกิดขึ้นแน่นอนก่อนครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.66 ทำให้ปี่กลองการเมืองเริ่มขยับตีกันดังสนั่นเมื่อการเลือกตั้งขยับเข้ามาเร็วขึ้น หลายฝ่ายมองในทิศทางเดียวกันว่า นายกฯ ลุงตู่ กำลังจะสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และจะทำให้ ส.ส.วิ่งวุ่นฝุ่นตลบย้ายพรรค เกิดการสลับขั้วทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจยุบสภาเมื่อใกล้ถึงวันครบวาระสภาผู้แทนราษฎร 23 มี.ค.66 เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมืองในเรื่องการดึงตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จากเงื่อนไขเวลาสังกัดพรรคก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากอยู่ครบวาระนักการเมืองต้องสังกัดพรรคให้ครบ 90 วันก่อนการเลือกตั้ง แต่หากยุบสภาจะสามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ก่อนการเลือกตั้งเพียง 30 วันเท่านั้น
"น่าจะมีการยุบสภาก่อนครบวาระไม่นาน เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมืองในการดึงตัวนักการเมืองให้ย้ายพรรค" นายสติธร กล่าว
ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตยฯ กล่าวว่า ขณะที่นักการเมืองส่วนใหญ่ก็อยากให้ยุบสภามากกว่า เพราะเงื่อนไขการลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้เคร่งครัดเหมือนอยู่ครบวาระ นักการเมืองสามารถย้ายพรรคได้ง่ายขึ้น คิดว่าเป็นยุทธวิธีที่นายกฯ จะเลือกใช้ เพื่อจะได้ไปชักชวนนักการเมืองที่อยากได้เพราะมีแนวโน้มชนะเลือกตั้งเข้าพรรค ถึงแม้จะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองอื่นแล้ว
"คิดว่าเป็นยุทธวิธีที่นายกฯ จะเลือก เพราะตอนนี้ (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ยังไม่พร้อม เปิดตัวช้ากว่าพรรคอื่น มีโอกาสไปเจรจาดึงคนที่อยู่พรรคการเมืองอื่นได้"นายสติธร กล่าว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง หากโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วจะทำให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับการกำหนดวันเลือกตั้งในกรณีครบวาระกับยุบสภานั้นมีความแตกต่างกันไม่มากนัก หากครบวาระจะต้องมีการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน แต่หากมีการยุบสภาจะต้องมีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่งจะทำให้ไทม์ไลน์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผิดเพี้ยนไปจากเดิมไม่เกิน 15 วัน
"ครบวาระหรือยุบสภา ไทม์ไลน์เลือกตั้งจะต่างกันแค่ 15 วัน อย่างเรื่องกำหนดวันรับสมัครในวันที่ 7 เมษายน หากเลื่อนออกไปจะไม่สะดวกเพราะติดช่วงเทศกาลสงกรานต์" นายสติธร กล่าว
*เด็ก "ลุงตู่" มั่นใจยุบสภาให้เวลาย้ายพรรค
ขณะที่ นายธนกร ระบุว่า การยุบสภาจะเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อใกล้ครบวาระสภาฯ "เรื่องยุบสภา นายกฯได้เปรยบ้าง แต่ผมเข้าใจว่าน่าจะอยู่จนใกล้ครบวาระ แต่มีการยุบสภาแน่ เพื่อให้ผมไปอยู่กับท่านได้ทันเวลา ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลย" นายธนกร กล่าว
การเมืองวันนี้มีความเป็นพลวัตเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงจะก้าวสู่การเลือกตั้ง บรรยากาศจะคึกคักอยู่แล้ว วันนี้ประชาชนเห็นอะไรหลายอย่าง หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปในที่ที่บอก เชื่อว่าพรรคนั้นจะน่าสนใจและประชาชนจะให้โอกาสเพราะประชาชนดูผลงาน
"ถ้ามองอย่างใจเป็นธรรม จะเห็นว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำมาตลอด 7-8 ปีนี้เกิดขึ้นมากมาย อย่างน้อยที่สุดในรุ่นลูกรุ่นหลานของเราจะเห็นชัด ทั้งโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าความเร็วสูงรถไฟทางคู่ อีอีซี ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นโครงสร้างของอนาคตในวันข้างหน้า จึงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้ประชาชนให้โอกาสกับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกรอบหนึ่ง" นายธนกร กล่าว
*ฝ่ายค้านมองความเป็นไปได้ยุบสภากลางเดือน มี.ค.
ด้านพรรคแกนนำหลักของฝ่ายค้าน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ออกมาระบุว่า ถึงเวลานี้เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลากอำนาจยาวเพื่อรอให้พรรครวมไทยสร้างชาติที่สนับสนุนตัวเองแต่งตัวให้เสร็จก่อน เพราะหากยุบเร็วก็จะไม่พร้อมคัดตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค
"เป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาในช่วงกลางเดือน มี.ค.66 ก่อนครบวาระ เพื่อรอให้พรรคการเมืองบางพรรคดึง ส.ส.จากต่างพรรคไปอยู่ภายใต้สังกัด เพราะพรรคการเมืองที่มีความพร้อมจะสามารถดึงตัว ส.ส.พรรคอื่นให้ย้ายสังกัดได้เรื่อยๆ จนถึงวันสมัคร เชื่อว่าการย้ายพรรคยังมีเรื่อยๆ" นายสมคิด กล่าว
สถานการณ์ทางการเมืองในปี 66 จะพิสูจน์ว่ารัฐบาลชุดนี้จะได้ไปต่อหรือไม่ในสนามเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการวัดความนิยมระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หวังว่าเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรทุกฝ่ายต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน โดยการเลือกตั้งจะทวีความเข้มข้นมากขึ้นและแข่งขันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่สะสมกระสุนดินดำไว้เยอะ
"นักการเมืองหลายคนจะใช้กระสุนดินดำออกมาจูงใจให้ประชาชนไปเลือก แต่เชื่อว่าประชาชนรู้ดีว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลนี้สร้างความลำบากแค่ไหนให้ประชาชนและให้บทเรียนอะไรบ้าง มั่นใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน" นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด ยังเชื่อว่า หลังการเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์พรรคอันดับหนึ่งไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะประชาชนตาสว่างแล้ว การที่ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะจะมาสืบทอดอำนาจต่อไปประชาชนคงไม่ยอม เพราะที่ผ่านมาประชาชนต้องพบกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตมาก ขณะที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าทุกเขตเลือกตั้งเพื่อบอกประชาชนถึงนโยบายของพรรคที่จะมาพลิกชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
*กกต.เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้งทุกเมื่อ
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์ผู้บริหารของสำนักงาน กกต.เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า กกต.ต้องพร้อมจัดการเลือกตั้งในทุกรูปแบบ เพราะยังไม่รู้ว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับจะมีผลใช้บังคับเมื่อใด สภาจะอยู่ครบวาระหรือไม่ จะมีการยุบสภาหรือไม่ และหากมีการยุบฯ จะเกิดขึ้นช่วงไหน
กกต.มีเป้าหมายที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศ เป็นที่ยอมรับทั้งกระบวนการและผลเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเกียรติภูมิให้แก่ กกต. องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายมี 4 ประการ คือ 1.คนดี 2.การบริหารจัดการดี 3.เทคโนโลยีดี และ 4.สื่อสารดี
แต่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงไม่มีเครื่องมือครบทั้ง 4 ประการ เพราะขาดเทคโนโลยี ไม่มีแอปพลิเคชั่นที่ใช้อำนวยความสะดวกในการรับสมัครให้แก่พรรคการเมือง ผู้สมัคร เขต สำนักงาน หน่วยงานสนับสนุน เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมทั้งไม่มีแอปพลิเคชั่นรายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา
สำหรับตัวชี้วัดในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป ได้แก่ 1.ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้น 5% จากเดิมในแต่ละจังหวัด 2.บัตรเขย่งหรือคะแนนเขย่งเป็นศูนย์ 3.บัตรเสียมีสัดส่วนที่น้อยลงจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 4.สำนวนการเรื่องร้องเรียนน้อยลงกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 5.รายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว 6.นำแบบ ส.ส.5/18 เข้าในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้พรรคการเมือง ผู้สมัคร และประชาชนได้ตรวจสอบภายในกำหนดเวลา และ 7.มีศูนย์ข่าวในแต่ละจังหวัดที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อใช้ประโยชน์ในการควบคุมและบริหารสถานการณ์การเลือกตั้ง ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งไปจนถึงวันประกาศผล เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
*ไทม์ไลน์เลือกตั้งปี 66
การเลือกตั้งใหม่จากกรณีที่มีการยุบสภาหรืออยู่ครบวาระจะมี 4 แนวทาง ได้แก่
- กรณีมีการยุบสภาในช่วงกลางเดือน ม.ค.66 จะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงต้นเดือน มี.ค.ถึงกลางเดือน มี.ค.
- กรณีมีการยุบสภาในช่วงกลางเดือน ก.พ.66 จะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน เม.ย.ถึงกลางเดือน เม.ย.
- กรณีการยุบสภาในช่วงสิ้นเดือน ก.พ.66 จะมีการเลือกตั้งในช่วงกลางเดือน เม.ย.ถึงสิ้นเดือน เม.ย.
- กรณีรัฐบาลอยู่ครบวาระ (23 มี.ค.66) กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่ง กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.66