นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ตอบกระทู้ถามทั่วไปของนายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรื่อง ปัญหาค่าไฟฟ้าราคาแพง ถึงกรณีเรียกเก็บค่าบริการครัวเรือนละ 38.22 บาท/เดือน ซึ่งเป็นค่ารักษามิเตอร์ ค่าพิมพ์ใบเสร็จ ซึ่งหากรวมทั้งประเทศจะเป็นเงินราว 1,900 ล้านบาท/เดือนนั้น
นายสุพัฒนพงษ์ ได้ชี้แจงว่า ค่าบริการรายเดือนดังกล่าวมาจากการคำนวณของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการบำรุงรักษา และ กกพ.ยืนยันว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณามาตรการที่จะช่วยเหลือครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย ไม่ให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ต้องเข้าใจว่าราคาพลังงานที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว โดยคาดว่าสถานการณ์ราคาไฟฟ้าน่าจะคลี่คลายภายในสิ้นปีนี้
ส่วนเรื่องสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนนั้นอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน 30% นั้นเนื่องจากที่ผ่านมามีความต้องการใช้ลดลง แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้มีปริมาณกำลังผลิตส่วนเกินลดลง และจำเป็นต้องมีกำลังการผลิตสำรองไว้ โดยในอนาคตจะมีการผลิตไฟฟ้าจะพลังงานสะอาดเข้าไปทดแทนการปลดระวางโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงเดิม
สำหรับการปลดล็อกให้มีการผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ ทั้งผู้ประกอบการและครัวเรือน ซึ่งในอนาคตจะมีกองทุนสนับสนุนให้ชุมชนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดใช้ได้เอง 1 หมื่นเมกะวัตต์ เช่น การผลิตไฟฟ้าจากมูลสัตว์ โรงไฟฟ้าชุมชน
ส่วนการชะลอโครงการสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ สปป.ลาวนั้นคงจะเร็วเกินไปที่จะไปตัดสินใจอย่างนั้น เพราะมีการพิจารณาโครงการไว้นานแล้ว ไม่ได้เพิ่งจะมีการพิจารณา เป็นการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนที่น้ำสามารถไหลผ่านได้ ไม่ใช่การกักเก็บ ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้านจากประชาชนเพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม