ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องต่อศาลว่านายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท จากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ
ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายอนุรักษ์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จริง โดยมีหลักฐานและพยานบุคคลยืนว่ามีการติดต่อนายศักดิ์ดา อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ หลายครั้ง เพื่อเรียกเงินหรือผลประโยชน์จากโครงการในการจัดทำคำของบประมาณ และมีการใช้คำพูดข่มขู่ โดยที่นายอนุรักษ์ ไม่มีหน้าที่ในการขอเอกสารหรือการจัดทำประมาณจากหน่วยงานโดยตรง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
โดยศาลมีคำพิพากษาว่า นายอนุรักษ์ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.64 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายศักดิ์ดา อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ ว่ามีอนุกรรมาธิการ บางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ
คดีนี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเรื่องดังกล่าวแล้วนำไปยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า นายอนุรักษ์ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2560