นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการพรรค, นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบายพรรค และนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค และประธานภาคกลาง ร่วมสัมมนากับผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานกว่า 30 คน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง
การเมืองวันนี้ถือว่าเข้าโค้งสุดท้ายแล้วจริงๆ จากนี้ไปมีเวลาไม่มากในการจัดทัพ วันนี้มาสัมมนาภาคอีสานเป็นที่แรก และจะเดินหน้าจัดสัมมนาเช่นนี้ทุกภาคทั่วประเทศไทย พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคใหม่แต่ผ่านมาได้ถึงจุดนี้ถือเป็นผลงานของทุกท่านที่ร่วมกันทำงานอย่างจริงจังและเต็มที่ เราต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยยุทธศาตร์ที่ชัดเจนและคม
นายอุตตม ยอมรับว่า ภาคอีสานมีพรรคการเมืองเดิมที่มีฐานเสียงเหนียวแน่น แต่มั่นใจว่าพรรคมีแผนงานที่ชัดเจน มีบุคคลากรที่มีศักยภาพ แต่ต้องผสมผสานด้วยยุทธศาตร์ที่เหมาะสม ตนมั่นใจว่าเรามีโอกาสได้ ส.ส.ในพื้นที่
"แม้เราเป็นพรรคใหม่แต่เราเชื่อว่าเรามีขีดความสารถ และสรรพกำลัง ทั้งกำลังคน และชุดความคิดนโยบายที่ตอบโจทย์พี่น้องชาวอีสาน และตอบโจทย์ประเทศไทย"
ขณะที่การเป็นพันธมิตรเชิงลึกกับพรรคไทยสร้างไทย นายอุตตม กล่าวว่า เราได้ผ่านการพิจารณาร่วมกันจากหลายฝ่าย เนื่องจากเสียงสะท้อนจากข้างนอกว่าสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่เป็นจุดแข็งของทั้งพรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นประโยชน์หากได้ทำงานร่วมกัน ซึ่งในส่วนของพรรคสร้างอนาคตไทยจะเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการทำงานของผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องมีความชัดเจน มีแผนงาน และพรรคจะทำงานด้วยอย่างชัดเจนเช่นกัน เพื่อเดินหน้าได้ในภาวะเช่นนี้
"วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยยังเป็นพรรคสร้างอนาคตไทย ทำงานภายใต้พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ต้องไปหวั่นไหว ที่ผ่านมาอาจมีมรสุมบ้าง แต่วันนี้เรานิ่งแล้ว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ที่ผ่านมาหลายคนสนใจว่าพรรคเรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งผมกับเลขาฯ พรรคได้รับการติดต่อ และมีคนสนใจร่วมงานกับพรรคเรา สะท้อนให้เห็นว่าเราไปได้แน่นอน และจะไปด้วยแนวทางเป้าหมายที่ชัดเจนในทุกพื้นที่ พรรคก็คือท่าน หากท่านชัดเจน พรรคก็เดินหน้า สำหรับยุทธศาสตร์พรรคเราที่จะนำไปสู่ชัยชนะ เราตั้งปณิธานว่าจะทำงานให้ประชาชน ทำงานให้ชาวอีสาน และคนไทยทั้งประเทศในยามที่ประเทศมีปัญหา" นายอุตตม กล่าว
ด้านนายสนธิรัตน์ ได้กล่าวปราศรัยเรื่องทิศทางการเมืองกับการเลือกตั้งปี 2566 ว่า จากนี้มีเวลาไม่เกิน 3-4 เดือน ขอให้ผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความหมายมาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งพรรคตระหนักดีว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ และมี ส.ส.มากที่สุด
การขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรค และยุทธศาสตร์ของพรรคมีโอกาสปักธงได้ ส.ส.อีสาน ขณะนี้พรรคได้เดินยุทธศาสตร์ ทั้งเชิงเดี่ยว และเชิงพันธมิตรตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ซึ่งยุทธศาตร์ผสมผสานทั้ง 2 ส่วนคือเป้าหมายในการปักธง ส.ส.อีสาน วันนี้พรรคได้เดินมาถึงจุดที่เรามีความมั่นใจ คิดว่าเราจะปักธงในหลายพื้นที่ ถือเป็นความท้าทายของพรรคอย่างมาก
"พรรคสร้างอนาคตไทยเลือกมา จ.หนองคายวันนี้ เพราะเราเสียดายที่วันนี้หนองคาย จากในสมัยที่พวกเราริเริ่มโครงการไฮสปีดเทรน หรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงกับทางเวียงจันทน์ ประเทศลาว ระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราริเริ่มได้หายไปจากประเทศไทย ไม่อย่างนั้นวันนี้หนองคายจะไม่เป็นอย่างนี้ หนองคายจะเป็นหนองคายที่เป็นฮับใหญ่ของประเทศไทย แต่วันนี้กลายเป็นเวียงจันทน์ที่เป็นฮับใหญ่ของการเชื่อมโยงเส้นทางสายไหม ซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นวันนี้เรามาเพื่อบอกให้รู้ว่าถ้าพี่น้องชาวอีสานไว้วางใจพวกเรา หนองคายจากกลับมาเป็นฮับใหญ่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และจะเป็นหมากเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งของพี่น้องชาวอีสาน น่าเสียดายที่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันไม่ได้ทำ แต่เราอาสากลับไปทำต่อให้สำเร็จ ไม่มีอะไรช้าเกินไป และเราจะปักธงตรงนี้แน่นอน และเป็นหนึ่งในนโยบายของเราแน่นอน นี่คือเหตุผลของการมาที่นี่ของพวกเรา" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ขณะที่นายวัชระ กล่าวว่า วันนี้เป็นโค้งสุดท้ายของการเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารพรรค สิ่งที่นักรบผู้ร่วมอุดมการณ์ภาคอีสานทั้งหมดต้องการทำคือต้องทำงานการเมืองร่วมกันในลักษณะเชิงลึก และจริงจัง หลังจากวันนี้คือสงคราม และสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว