พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่างๆ โดยเฉพาะจริยธรรมนักการเมืองและ ส.ส.ในช่วงใกล้เลือกตั้ง ว่า ขณะนี้มีการดำเนินการตามที่มีการส่งเรื่องเข้ามา เช่น กรณีการถือครองที่ดินเกี่ยวกับเอกสาร ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. ก็จะดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย และบางเรื่องจะส่งต้นสังกัดไปตรวจสอบถึงคุณสมบัติ โดยการไต่สวน หากข้อมูลไม่เพียงพอ ต้องส่งข้อมูลไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ถ้ากรณีใดเข้าข่ายละเมิดจริยธรรม ทาง ป.ป.ช.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเช่นกัน
"ป.ป.ช.ให้ความสำคัญกรณีผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ จะทำให้รวดเร็ว ถ้าเรียงตามลำดับก็จะใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น ป.ป.ช.จะทำงานใน 2 ระบบ คือถ้ามีการส่งเรื่องมาที่เป็นเรื่องเก่า ก็เร่งรัดให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่ และกระทบกับประชาชน กระทบสังคม ป.ป.ช.ก็จะพยายามเร่งรัดและทำให้รวดเร็ว ถ้าเรื่องใดทำไม่ถูกต้อง" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
สำหรับกรณียื่นสอบการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ ที่มีวงเงินถึง 33 ล้านบาทนั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สังคมสนใจ โดยในขณะนี้ได้มีการขอข้อมูลไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หากทำรวดเร็วมากเกินไปอาจจะไม่รอบคอบ ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรม เพราะขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของการถูกกล่าวหา แต่ถ้าหากมีมูล มีพยานชัดเจน ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง