นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เดือนม.ค.นี้จะมีการประชุมพรรค พปชร. และประกาศให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งจะกำหนดวันประชุมภายใน 2-4 วันนี้
ทั้งนี้ จะชูให้พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงคนเดียว เพื่อให้พรรคประสบความสำเร็จและเกิดความมั่นใจกับประชาชน อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ส่วนในพรรคขณะนี้ถือว่ามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
นายสันติ กล่าวว่า ขออย่ามองเป็นการมาแข่งขันกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งจะเห็นว่าใครที่สามารถเป็นที่พึ่ง สร้างอนาคตให้กับพื้นที่ของตนเองให้เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะการพัฒนาลูกหลานในอนาคตให้มีศักยภาพ ติดอาวุธให้กับลูกหลาน เพื่อต่อสู้กับนวัตกรรมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมากกว่า เพราะเป็นทหาร และยังมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ทราบคือ มีความสามารถในการใช้คนทำงานในแต่ละภาคส่วน เช่น การบริหารจัดการน้ำ การจัดการที่ดิน ซึ่งต่างประสบผลสำเร็จ
ส่วนการเปิดตัวของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสันติ ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวใดๆ เนื่องจากในอนาคต เมื่อใครทำดีก็ต้องทำให้ดีมากกว่า ขณะที่การส่งผู้สมัคร ส.ส. อาจจะชนกันในบางพื้นที่นั้นก็เป็นเรื่องการเมือง หากหลีกให้กันก็จะกลายเป็นการปิดโอกาสไม่ให้ประชาชนได้พิจารณาเลือก ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจะสู้เต็มที่ในทุกเขต พร้อมยืนยันไม่มีการดิวพรรคพี่พรรคน้องให้หลบกันในแต่ละพื้นที่อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายสันติ กล่าวถึงการที่ ส.ส.จะย้ายพรรค เชื่อว่า ทุกคนมีวุฒิภาวะ แม้พรรคจะเช็คลิสต์บัญชีรายชื่อล่าสุด ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะคนจะไปไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ในฐานะเลขาฯ พรรค ก็จะต้องทำหน้าที่หาคนใหม่ที่ดีกว่ามาสำรองไว้ เพราะพรรคก็หาคนที่มีความตั้งใจมาสำรองไว้เป็นหลักประกัน ดังนั้น ส.ส. ที่จะย้ายไปย้ายมาต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม จะมีการจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่นั้น นายสันติ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องทำอย่างเต็มที่ จะไปรังเกียจ ส.ส. ต่างพรรคไม่ได้ เพราะประชาชนได้เลือกเข้ามาแล้ว และตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคใด รอให้ประชาชนได้เลือกตั้งก่อน โดยเฉพาะเลือกพรรคพลังประชารัฐให้มากๆ หากเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง เกินครึ่งก็ไม่มีความจำเป็นต้องจับมือร่วมกับใคร และเดินหน้านโยบายของพรรคอย่างเต็มที่ต่อไป ซึ่งเตรียมเปิดนโยบายพรรคในเร็วๆ นี้