นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ปชป.จะไม่ไปจับขั้วตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หลังการเลือกตั้งนั้นถือเป็นความเห็นส่วนตัวของนายสาทิตย์ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์การเมืองมายาวนาน โดยข้อเท็จจริงก็ชัดเจนว่าทั้งสองพรรคถือเป็นขั้วหลักทางการเมืองในช่วงระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะแนวคิด วิธีปฏิบัติ การดำเนินนโยบายก็แตกต่างกันเปรียบเหมือนกับขมิ้นกับปูน
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ พรรคฯ ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าควรให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งเสียก่อน เพราะเมื่อเข้าสู่สนามการเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคก็จะตั้งต้นด้วยการไม่มี ส.ส. ซึ่งทุกพรรคจะต้องเสนอนโยบายและลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อโน้มน้าวใจให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ดีสุด
"การที่ประกาศไปก่อนล่วงหน้าว่า จะจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ประชาชนอาจจะเข้าใจได้ว่า เลือกใครไปก็เหมือนกัน เพราะมาจากขั้วเดียวกัน ทั้งๆ ที่แต่ละพรรคต่างมีนโยบายที่ไม่เหมือนกัน และมีข้อแตกต่างกันในการทำงาน รวมทั้งถือเป็นการตอบคำถามแทนประชาชนไปล่วงหน้า" นายชัยชนะ กล่าว
รองเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า หลักการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ ได้ตอบคำถามเรื่องการจับขั้วหลายครั้งว่า ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบก่อน เพราะประชาชนคือคนแรกที่จะเป็นคนบอกว่ารัฐบาลชุดใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายค้านใครจะเป็นรัฐบาลนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีสุดในสถานการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใกล้เข้ามาทุกขณะ รวมทั้งยังเป็นการรักษาหลักการของประชาธิปไตยที่เน้นเสียงของประชาชนเป็นใหญ่อีกด้วย
"ผมเคารพในการแสดงความเห็นของนายสาทิตย์ เพราะถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองและมองถึงอนาคตภายหน้า รวมทั้งก็ได้แสดงความรับผิดชอบไปแล้วว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว การที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้ระบุเรื่องการจับขั้วกับพรรคการเมืองภายหลังจากการเลือกตั้งเหมือนกับพรรคอื่นๆ ที่ได้ประกาศไปล่วงหน้าแล้วนั้น เนื่องจากมีบทเรียนมาแล้วว่า การตัดสินใจโดยไม่ฟังเสียงประชาชนในวันเลือกตั้ง ทำให้เกิดผลกระทบมากมายทางการเมือง" นายชัยชนะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พรรคฯ ได้บอกจุดยืนต่อประชาชนให้รับทราบมาตลอดว่า เป็นพรรคที่ดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการบั่นทอนพระเกียรติยศขององค์พระประมุขและความมั่นคงของชาติ รวมทั้งไม่สนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งน่าจะเพียงพอให้ประชาชนทราบแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่ตรงจุดไหนในสนามการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้