พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีการทำงานของรัฐบาลว่าจะบริหารประเทศจนครบวาระหรือไม่ว่า ได้เคยพูดไปแล้วว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ และถ้าจำเป็นต้องอยู่ ก็ต้องอยู่ให้ครบ
เมื่อย้ำถามว่า รัฐบาลจะอยู่จนครบวาระวันที่ 23 มี.ค. 66 หรือจะยุบสภาก่อน เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวเลือกตั้ง และ ส.ส.เตรียมย้ายพรรคได้ทันตามกำหนดของกฎหมายเลือกตั้งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเลือกตั้งก็ว่ากันไปตามกระบวนการ พร้อมย้ำว่า ได้ดูวันเวลาที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว และจะไม่ทำให้มีปัญหาในเรื่องการเข้าสังกัดพรรคการเมือง
ส่วนการใช้เวลานอกราชการลงพื้นที่หาเสียงกับพรรครวมไทยสร้างชาติจะเริ่มเมื่อไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าลืมว่าตนมีบทบาทในการเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นต้องระมัดระวังอย่างที่สุด อะไรที่เป็นงานของรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ทำต่อ ส่วนเรื่องของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่ดำเนินการอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังปฏิเสธด้วยว่าไม่ได้เข้าไปเคลียร์ใจกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ และย้ำว่าไม่เคยมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร อยู่แล้ว
"ไม่ใช่ผมต้องไปเคลียร์ เคลียร์อะไรกันนักหนา คนเราถ้ามันผูกพันกัน มันก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องการเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง ท่านก็เข้าใจ ผมก็เข้าใจ ต่างคนคนต่างเข้าใจ...ไม่เคยมีปัญหากันอยู่แล้ว หลายคนพูดว่าผมต้องมาเคลียร์ใจกันตอนเช้าก่อนเข้าครม. ห้องนั้นเป็นห้องก่อนประชุมครม. ใครก็เข้ามาได้ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่เรื่องการจับมือทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ยังคุยกันทุกวัน แต่ไม่ได้พูดถึงตรงนั้น วันหน้าค่อยว่ากันอีกที วันนี้ให้ผ่านพ้นไปก่อน
ทั้งนี้ ก่อนนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องมีการประเมินแล้วใช่หรือไม่ว่าจะต้องได้ ส.ส. 25 คน เพื่อมีสิทธิ์เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน จะได้ 5 คน 10 คน 25 คน หรือเท่าไร ตนไม่รู้ ตนจะไปรู้ใจประชาชนได้อย่างไร ต้องไปถามประชาชน
เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งข้อสังเกตการจัดกิจกรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่อาจผิดกฎหมายเลือกตั้งหลายข้อนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรค และ กกต. มีการปรึกษาหารือร่วมกันอยู่แล้วว่าอะไรที่ทำได้ หรืออะไรที่ทำไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเตรียมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลขึ้นอยู่กับสภา ฝ่ายค้าน รัฐบาลจะไปพูดคุยตกลงกันว่าจะใช้เวลากี่วัน แต่ไม่อยากให้ใช้เวลาอภิปรายมากนัก บ้านเมืองกำลังมีปัญหา ทุกปัญหาต้องดูว่าเราแก้ไขอะไรไปแล้วบ้าง ถ้าพูดแต่เรื่องไม่ดี ทุกอย่างก็จะรวนไปหมด หาสิ่งดีๆให้เจอ มีมากมาย
ส่วนจะมีการตอบทุกคำถามเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เรื่องของผม เป็นการตัดสินใจของผมในสภา อย่ามาถามคำถามล็อกๆผมแบบนี้ ผมตอบไม่ได้หรอก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าผมจะตอบหรือไม่ตอบ จะตอบอย่างไร หลายอย่างเป็นสิ่งที่กล่าวมาหลายปีมาแล้ว ทุกครั้งที่มีการอภิปรายก็จะเป็นแบบนี้ เวลาตนพูดก็ไม่ฟัง"
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ไม่กังวลว่าจะไม่มีองครักษ์พิทักษ์นายกฯเหมือนเมื่อก่อน แม้ไม่ได้แคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐแล้ว