นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมงานเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือล็อตใหญ่ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาพบกับพี่น้องชาวภาคเหนือ 16 จังหวัด ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก อบอุ่น และยิ่งใหญ่เป็นที่สุดครั้งหนึ่งเป็นประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากจะถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนแล้ว ก็ถือโอกาสมาประกาศตัวผู้สมัครทีมประชาธิปัตย์ในภาคเหนือด้วย และขอบคุณพี่น้องชาวเหนือทุกคน ที่ตลอด 76 ปีที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์เกิดขึ้นได้ นอกจากเพราะผู้แทนราษฎรทั้งประเทศรวมตัวกันก่อตั้งพรรคแล้ว หัวใจสำคัญที่สุดที่ทำให้ประชาธิปัตย์เกิดได้ก็เพราะพี่น้องประชาชนคนเหนือ และผู้แทนราษฎรภาคเหนือพรรคประชาธิปัตย์ 12 คน ที่ร่วมกันก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2489
"ชาวเหนือมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมาทุกการเลือกตั้ง มากบ้างน้อยบ้าง แต่คนเหนือไม่เคยทิ้งประชาธิปัตย์และประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยทิ้งคนเหนือ เราได้ผู้แทนราษฎรมาเกือบจะเรียกว่าทุกยุคทุกสมัย ยกเว้นคราวที่แล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าคนเหนือทั้ง 16 จังหวัดทิ้งประชาธิปัตย์ทั้งหมด คราวที่แล้วอาจจะได้น้อยหน่อยแค่ 1 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งที่จะมาถึงข้างหน้า ก็มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนเหนืออย่างแน่นอน" นายจุรินทร์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ด้วยอุดมการณ์ บุคลากร นโยบาย และผลงานที่พรรคทำให้กับคนเหนือมาตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวประชาธิปัตย์ทุกคนมั่นใจ วันนี้ถือโอกาสเปิดตัวผู้สมัครทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างหลังรวมกันแล้ว 61 คน จาก 16 จังหวัด การเลือกตั้งเที่ยวหน้าเขตเลือกตั้งจะเพิ่มขึ้นกลายเป็น 71 เขต แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันกับพี่น้องได้ก็คือว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ เมื่อ กกต.ประกาศเขตภาคเหนือเสร็จสิ้นครบ 71 เขต ประชาธิปัตย์ส่งครบทุกเขตแน่นอน และในบรรดาผู้สมัครของเราทั้ง 61 คน ล้วนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพ ที่ยืนอยู่นี้จบปริญญาเอก ปริญญาโท อย่างน้อย 22 คน และจบปริญญาตรี 30 คน ทุกคนมีประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพมากมาย ทั้งเป็นนักการเมืองระดับชาติมาก่อน ทั้งเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่น เป็นนักธุรกิจ เป็นอดีตข้าราชการ เพราะสนใจที่มาร่วมงานการเมืองกับประชาธิปัตย์ ลาออกจากราชการเพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งกับประชาธิปัตย์ มีทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย และมีทั้งกลุ่มวิชาชีพอื่นๆ ที่มีความหลากหลาย พร้อมที่จะรับใช้พี่น้องชาวเหนือทุกคน ทุกจังหวัด
"ในจำนวนนี้มีผู้แทนฯ ว่าที่ผู้สมัครประชาธิปัตย์ที่เป็นสตรี และเป็นความหวังของโลกการเมืองรุ่นใหม่อยู่บนเวทีนี้ถึง 11 คน เป็นอดีตผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ 4 ปีที่ผ่านมา ยืนหยัดอุดมการณ์ร่วมกับเราไม่ไปไหน และพร้อมเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งถึง 9 คนด้วยกัน และมีคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30-35 ปี ที่เสนอตัวมารับใช้พี่น้องประชาชนรวม 13 คน อย่างน้อยที่สุดเรามีชาติพันธุ์ที่เสนอตัวมาเป็นผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนชาติพันธุ์ต่อไปถึง 3 คนด้วยกัน" นายจุรินทร์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ถ้า ปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงสนับสนุนของประชาชนทั่วประเทศ ทำให้เราได้รับเลือกตั้งมากพอที่จะไปรวมเสียงพรรคอื่นเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ขอบอกว่า มาถึงวันนี้นอกจากเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพพร้อม ประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายที่พร้อมนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และอนาคตที่ยั่งยืนต่อไปภายใต้การบริหารของประชาธิปัตย์
"ถ้าเราสร้างเงินได้ เราสร้างคนได้ เราก็สร้างชาติได้ ประชาธิปัตย์พร้อมสร้างชาติด้วยระบบการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปัตย์จะสร้างชาติด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอะไรก็ได้ แต่ประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์ คือเป็นประชาธิปไตยที่เขียนไว้นโยบาย 10 ข้อ ที่นับเนื่องตั้งแต่ 2489 จนวันนี้เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ประชาธิปไตยสุจริต" นายจุรินทร์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับชาวภาคเหนือ ได้แก่ นโยบายประกันรายได้ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด ส่วนผลไม้จะใช้ยาคนละขนานในการเข้าไปดูแลเกษตรกรด้วยการหาตลาด หาผู้ซื้อ มาทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามนโยบายพันธสัญญา (Contract Farming) ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน การจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านชุมชนแห่งละ 2 ล้านบาท การให้การรับรองสิทธิทำกินในที่ดินของรัฐ การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงให้กับประชาชนภายใน 4 ปี แจกนมโรงเรียนฟรี 365 วัน นโยบายประมงท้องถิ่นทุกกลุ่มรับ 1 แสนบาททุกปี กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในประเทศไทยต้องได้สัญชาติไทย และนโยบายเหนือเชื่อมโลกใน 4 ช่องทาง คือ 1.เชื่อมด้วยการคมนาคม 2.เชื่อมด้วยการท่องเที่ยว 3.เชื่อมด้วยการค้าชายแดน และ 4.เชื่อมด้วยซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
"ถ้าเหนือเชื่อมโลกได้ เหนือจะรวยขึ้น คนเหนือทุกคนจะมีเงินมากขึ้น ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าสร้างเงินให้คนไทย และให้ประเทศไทย และให้คนเหนือได้อย่างเป็นรูปธรรมขึ้น" นายจุรินทร์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ในวันนี้จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือล็อตใหญ่ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันมี 60-62 เขตจะได้เปิดตัวทั้งหมด ส่วนที่จะมีเขตเพิ่มเป็น 71 เขต ก็ต้องรอดูการแบ่งเขตที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่ง ปชป.จะส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 71 เขต เช่นเดียวกับทั้งประเทศที่จะส่งครบทั้ง 400 เขต
หัวหน้าพรรค ปชป.ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงเป้าหมาย ส.ส.ที่จะได้รับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคเหนือว่าจะได้กี่ที่นั่ง แต่ในใจนั้นมีอยู่แล้ว และมั่นใจว่าเที่ยวนี้จะได้รับการตอบรับจากชาวเหนือดีกว่าคราวที่แล้ว ซึ่งถือเป็นจุดที่พลิกผันการเลือกตั้งครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ ปชป.ได้ที่นั่งเดียว
"เที่ยวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก และไม่เป็นศูนย์ด้วย มั่นใจว่าดีกว่าเดิมเยอะ เสียงตอบรับมากทีเดียว เรามาทำการบ้านในภาคเหนือ ในทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรหยุดชะงักเลยมาจนถึงวันนี้ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งก่อนเลือกตั้ง เพราะเป็นการประกาศเปิดตัวผู้สมัครครบทั้งภาค" นายจุรินทร์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ครั้งนี้ได้ประกาศนโยบาย "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะเดินหน้ายุทธศาสตร์ดังกล่าวเพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และอนาคตที่ยั่งยืน
"สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ คือกรอบยุทธศาสตร์ของประชาธิปัตย์ ถ้าได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราก็จะเดินหน้าไปตามนี้ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่กำหนดเป็นยุทธศาสตร์นั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่สามารถทำได้ และทำได้ไว ทำได้จริง เหมือนกับที่เราได้พิสูจน์มาตลอด 3 ปีกว่าที่เราไปร่วมรัฐบาล หลายเรื่องที่เราประกาศไป เราทำได้ไว ทำได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการประกันรายได้ หรืองานอื่นฯ ก็ตาม" นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับรายละเอียดของนโยบายจะได้นำเสนอตามมา ซึ่งล่าสุดได้เปิดนโยบายด้านการเกษตร และหมู่บ้านชุมชนไปแล้ว ซึ่งวันนี้จะได้มาประกาศนโยบายให้พี่น้องภาคเหนือได้รับทราบถึงสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวเหนือนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง เท่าที่ฟังจากปฏิกิริยาของผู้สมัครของเราที่ได้ทำงานร่วมกันมา 4 ปี ทุกคนพอใจมาก และมั่นใจว่านโยบายเที่ยวนี้โดนใจไม่เพียงแต่เฉพาะชาวเหนือเท่านั้น แต่โดนใจคนไทยทั้งประเทศ
ส่วนกรณีที่ ส.ว.มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 เพื่อปลดล็อควาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อยู่ได้เกิน 8 ปีนั้น หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง และไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ดังนั้นจะไม่ด่วนวิจารณ์ไปก่อน แต่เท่าที่ฟังรวมๆ นั้นก็ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะนำไปสู่การสร้างปัญหาไม่รู้จบในอนาคตได้ แต่ในรายละเอียดจะต้องมาดูว่าร่างแก้เป็นอย่างไร จะแก้จริง หรือไม่แก้จริง หรือแค่โยนหินถามทาง ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป เราจะไปด่วนวิจารณ์ทั้งหมดก็ยังไม่ได้
สำหรับความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมวุฒิสภาจนมาถึงการแก้วาระการดำรงตำแหน่งหรือไม่นั้น ตนไม่ขอตอบไปไกลขนาดนั้น เพราะที่ผู้สื่อข่าวถาม ณ เวลานี้ว่า ตามที่ปรากฎมีความเห็นว่าอย่างไร ตนก็ให้ความเห็นได้เท่านี้ เพราะมันยังเร็วเกินไป ต้องรอดูว่ามีจริงหรือเปล่า และถ้ามีจริง รายละเอียดมันคืออะไร
ส่วนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหาก ปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ถือเป็นนโยบายข้อหนึ่งที่จะดำเนินการ แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังคงระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และขณะเดียวกันก็จะต้องแก้เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น