พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ตลอดจนกรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดนโยบายหลักของพรรค และนโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีทั้ง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การบริหารราชการในช่วงที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยสามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ปัญหาที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ ปัญหาอุตสาหกรรมประมง แต่สังคมยังมีปัญหาความขัดแย้งแตกแยก จึงขอยืนยันจุดยืนที่จะประสานความร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
พรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ ทุกเพศ ทุกวัย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ขอเปิดนโยบายแรก ซึ่งได้ริเริ่มไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง โดยจะสานต่อโครงการดังกล่าวด้วยการเพิ่มเงินให้เป็น 700 บาท/เดือน
"หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมดำเนินการได้ทันที" พล.อ.ประวิตร กล่าว
พร้อมระบุว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา สามารถช่วยผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางได้กว่า 14.1 ล้านคน และในวันที่ 1 มี.ค. 66 จะขยายความช่วยเหลือเป็น 18 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มองว่าจำนวนเงิน 200-300 บาท/เดือน ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน จึงควรเพิ่มเงินช่วยเหลืออีก 500 บาท เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน แต่ก็สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณให้ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น โดยประเมินว่าการปรับเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 12,000 ล้านบาท หรือตกปีละ 1.5 แสนล้านบาท
"เงิน 200-300 บาท มองว่าน้อยเกินไป พล.อ.ประวิตร จึงมีดำริว่านโยบายแรกที่จะทำ คือให้เพิ่มเป็น 700 บาท หากได้จัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30" นายสันติ กล่าว
หลังจากนี้ พรรคจะทยอยเปิดตัวนโยบายหาเสียงเกี่ยวกับการเพิ่มความรู้ความสามารถให้กับประชาชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น สื่อมวลชนได้สอบถาม พล.อ.ประวิตร ถึงความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.ประวิตร ตอบว่า "ก็เลือกมาสิ ถ้าประชาชนเลือกมา ก็เป็นให้ได้" ส่วนความร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นนั้น พล.อ.ประวิตร ย้ำว่าได้บอกไปแล้วว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปจับมือกับใคร และก็สามารถคุยกันได้ทุกพรรค