นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพร้อมประสานพูดคุยได้กับทุกพรรคในเรื่องความร่วมมือทางการเมืองนั้น นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น โดยพรรคก้าวไกลจะไม่ทำงานกับ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สิ่งที่สังคมต้องการจะเห็นคือ ต้องการออกจากระบอบ 3 ป. โดยเมื่อย้อนกลับไปปี 57 ทุกสิ่งมีแต่เลวร้าย เพราะระบอบ 3 ป.ทำลายประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทยไม่ควรจะมีผู้นำชื่อว่า พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยการออกจากชายร่มเงาที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร
ส่วนจะเป็นการตอกย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มองถึงตรงนั้น แต่การที่พรรคการเมืองใดจะไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร เชื่อว่ายากที่ประชาชนจะให้การสนับสนุน
"อย่าเพิ่งไปมองไกลถึงอนาคต จากการลงพื้นที่ พบว่า ประชาชนไม่อยากเห็นการพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จับมือกับพรรคฝ่ายเผด็จการ ดังนั้น ต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนด้วย สมัยก่อนอาจทำได้ แต่ปัจจุบันสังคมพัฒนาแล้ว ประชาชนชัดเจนว่าต้องการอะไร หากพรรคการเมืองไม่มีจุดยืนที่จะสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ก็มีโอกาสสูญพันธุ์ได้" โฆษกพรรคก้าวไกลระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ได้เตือนไปถึงพรรคใด เพราะในที่สุดแล้ว เชื่อว่าทุกพรรคไม่มีทางจะทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ประชนชนคงคิดว่า น่าจะพอได้แล้ว
ส่วนที่ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายแรก เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อไปเปิดนโยบาย ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งการประชุม ครม.คือการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน และการลา ครม.เช่นนี้ จะทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขหรือไม่ ดังนั้น นโยบายใดที่มาจาก พล.อ.ประวิตร ตนไม่ให้ราคาไม่เชื่อว่านโยบายต่างๆ จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้น วันนี้ต้องเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล และพรรคก้าวไกลก็พร้อมจะทำหน้าที่นั้น