นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่างๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ ได้แก่ เครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา, กรณีโยกย้ายอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เนื่องจากเรียกรับผลประโยชน์และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัด และกรณีมอบหมายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
นายอนุชา กล่าวว่า นอกจาก 3 คดีที่ประชาชนให้ความสนใจแล้วยังมีคดีอื่นๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญ และมีข้อสั่งการให้รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการสืบสวนสอบสวน เช่น การตรวจสอบการประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชน ซึ่งเป็นอีกคดีหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานเข้ามา
นายอนุชา ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีความประสงค์ที่จะปกป้องความผิดของใครในแต่ละคดี และต้องการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซง และเกิดความกระจ่างชัดในทุกๆ ประเด็น พร้อมย้ำว่า นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตในทุกเรื่อง และมีข้อสั่งการในเวลาประชุมกับส่วนราชการมาตลอดว่าการดำเนินการของข้าราชการต้องโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ในทุกกรณี
ส่วนที่กรณีพาดพิงหลานชายของนายกรัฐมนตรีในคดีกลุ่มทุนธุรกิจจีนสีเทานั้น นายอนุชา ยืนยันว่า เป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น ยังไม่มีข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสืบสวนสอบสวนเน้นไปที่ความตรงไปตรงมา หากพบผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเอกชน จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถึงเวลาหากมีหลักฐานที่ชัดเจน อัยการก็จะดำเนินการต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการกล่าวอ้าง หรือพาดพิงใคร แต่เป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนมากกว่า หากพบสิ่งไม่ถูกต้องก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งสิ้น
นายอนุชา ยืนยันว่า การที่นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งกวาดล้างคดีต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนนั้น ไม่เกี่ยวกับช่วงใกล้เลือกตั้ง เป็นการสั่งการตามนโยบายอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีต้องการทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคดีต่างๆ และไม่เกี่ยวว่ามีผู้อื่นนำไปแอบอ้างเป็นผลงานของตัวเอง
พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า คดีเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทามีความคืบหน้าไปมาก รวมถึงได้มีการขยายผลไปยังผู้กระทำความผิด ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่าหากความผิดสาวไปถึงใครให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากพบว่ากระทำผิดจะถูกไล่ออก และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยวันนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนไปยังศาลแล้ว และหากพบผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในคดีนี้ หรือมีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการต่อไป