นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนม.ค. 66 ครอบครัวเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยแต่ละเวที จะมีการสับเปลี่ยนผู้ปราศรัยตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
เริ่มเวทีแรก ในวันที่ 27 ม.ค. จะลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามกีฬากลาง จ.เลย ในเวลา 13.30-15.00 น. ตามด้วยเวทีที่ 2 เวลา 16.30 น. ที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
วันที่ 28 ม.ค. 9.00 น. เปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จากนั้นจะไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ 2 เริ่มเวลา 14.30 น. ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
วันที่ 29 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เริ่ม เวลา 17.30 น. โดยก่อนหน้านั้น จะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีด้วย
โดยทั้ง 3 วันนี้ จะเป็นการคิกออฟเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย พร้อมรณรงค์เป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทย
"เราจะเดินหน้าในพื้นที่จังหวัดที่อยู่ห่างไกลกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบิน เดินทางถี่ได้ และเพื่อให้เหมาะสมกับน.ส.แพทองธาร ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรค และแสดงความพร้อมตลอดเวลาในการลงพื้นที่ การเสวนาหารือ รวมทั้งการขึ้นเวทีปราศรัย" ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากบรรยากาศในขณะนี้ ทั้งสภาล่มไม่เป็นท่า การปาดหน้าลงพื้นที่ระหว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไม่รวมถึงการลาออกของ ส.ส. รวมถึงรัฐมนตรี ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะประกาศยุบสภาเร็วขึ้น
ทั้งนี้ หากประกาศยุบสภาภายในเดือน ก.พ.66 พรรคเพื่อไทย จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะมีการประกาศนโยบายในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง แต่หากไม่มีการยุบสภา โปรแกรมการลงพื้นที่ และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ทุกอย่างจะเดินหน้าตามแนวทางที่กำหนดไว้ และในเดือนมี.ค.จะเดินหน้าต่อไป เพื่อนำเสนอนโยบายและแนวทางของพรรคต่อประชาชน มุ่งหวังให้ประชาชนไม่ต้องประสบกับวิกฤตปัญหาปากท้อง ซึ่งเป็นวิกฤตอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยซึ่งมีจุดแข็งด้านนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงกับสถานการณ์ และความต้องการของประชาชน สามารถปฏิบัติได้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดระยะเวลา 20 ปี
"หากอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 จบแล้วยุบสภาทันที หรืออยู่ในอำนาจต่อ ก็ไม่มีผลต่อการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราทำงานหนักทุกวัน มุ่งไปสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ตั้งรัฐบาลของประชาชน" นายณัฐวุฒิ กล่าว