นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงถึงยุทธศาสตร์ของพรรคหลังเลือกตั้งว่า พรรคไม่มีขั้วไม่มีฝ่าย และอยากมีความร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง ตามบทบาทหน้าที่หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ
การเมืองมี 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายค้านและรัฐบาล หากเป็นรัฐบาลก็ดี เพื่อนำนโยบายที่นำเสนอไปปฏิบัติ ขณะที่ฝ่ายค้านคือฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งแล้วแต่ผลของการเลือกตั้ง โดยพรรคไปได้ทั้ง 2 กรณี
ทั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ จึงนำเสนอนโยบายรื้อเศรษฐกิจ แต่จะทำสำเร็จได้นั้น ต้องมีเสถียรภาพทางการเมือง มีความร่วมมือทางการเมือง ที่ผ่านมา พรรคทำงานการเมืองแบบเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ไม่ใช่ทำการเมืองที่เข้าข้างกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และพยายามประนีประนอมเพื่อสร้างความสมานฉันท์ความร่วมมือทางการเมือง โดยมองว่าหลังการเลือกตั้ง หากไม่สามารถร่วมมือทางการเมืองได้ จะกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
"4 ปีที่ผ่านมา เสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยที่กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่เห็นชัดเจน คือ เสถียรภาพการเมืองในสภา ไม่ครบองค์ประชุม กฎหมายสำคัญผ่านไม่ได้ ในการเลือกตั้ง อยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และความร่วมมือที่จะสร้างเสถียรภาพทางการเมืองใหเกิดขึ้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้การทำงานเกิดการถ่วงดุล สร้างสรรค์ ให้ระบบสภาทำงานได้และสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน" นายสุวัจน์ กล่าว
ส่วนการประกาศแคนดิเตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการยุบสภา
นายสุวัจน์ กล่าวว่า หลังจากที่เปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว จากนี้จะไปเปิดตัวนโยบายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะพื้นที่ จ.นครราชสีมา และพื้นที่ภาคอีสาน ในวันที่ 14 ก.พ. สำหรับการวางเป้า ส.ส.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น เบื้องต้นพรรคจะส่งให้ครบ 16 เขต ส่วนจะได้ส.ส.เท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกของประชาชน แต่มั่นใจว่าพรรคชาติพัฒนากล้าจะคัมแบ็ค และได้ส.ส.มากกว่าเดิมแน่นอน พร้อมประเมินว่าการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น จะมีการแข่งขันกันทางการเมืองสูง
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการคัดเลือกเตรียมผู้สมัคร ส.ส. เพื่อสู้เลือกตั้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือก โดยพรรคจะเน้นคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าสภาฯ จะเหลือเวลาอยู่อีกกี่วัน