พรรคร่วมฝ่ายค้านนำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้ส่งคำร้องไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าความเป็น รมว.คมนาคม และสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วยเหตุละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ว่าด้วยวิธีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยมีเอกสารหลักฐานประกอบทั้งหมด 14 เรื่อง กรณีการใช้นอมินีในการถือหุ้น
เนื่องจากก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยาม ถือหุ้นในบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง แต่อยู่มาวันหนึ่งลาออกจากผู้ถือหุ้นแล้วให้พนักงานเป็นผู้ถือหุ้นแทน แต่โดยพฤตินัยนายศักดิ์สยามคือเจ้าของบริษัทตัวจริง ซึ่งพนักงานรายนี้ไม่มีศักยภาพในการถือหุ้น ขณะเดียวกันบริษัทแห่งนี้รับงานภายในกระทรวงคมนาคม เข้าข่ายเอื้อผลประโยชน์ต่อบริษัทดังกล่าว ทั้งที่นายศักดิ์สยามเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงนี้ และพบว่าบริษัทดังกล่าวได้งานทุกปีมูลค่าหลายพันล้านบาท
นายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนติดตามการอภิปรายที่ตนมีหลักฐานเด็ดเป็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับนายศักดิ์สยามมาประกอบการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152
สำหรับการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า น่าจะมีข้อตกลงตามที่ ครม.เสนอมา คือเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป ดังนั้นฝ่ายค้านก็จะเริ่มอภิปรายตั้งแต่ 15 ก.พ. และไม่กังวลเรื่ององค์ประชุมล่ม ไม่กังวลว่ารัฐบาลจะแก้เกมคืนด้วยการใช้เรื่ององค์ประชุม เพราะจะเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่จงใจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของฝ่ายค้าน
ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเดิม ไม่ใช่เรื่องใหม่ อีกทั้งเอกสารที่ปรากฎทางราชการก็ยืนยันได้ว่านายศักดิ์สยาม ได้พ้นจากการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่รับงานกระทรวงคมนาคมแล้ว
ส่วนข้อกล่าวหานายศักดิ์สยาม มีส่วนได้ส่วนเสียกับการใช้งบประมาณนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า การใช้งบประมาณเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีความโปร่งใส การทำหน้าที่ของนายศักดิ์สยามเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมาย ขณะเดียวกันกรรมาธิการงบประมาณก็ไม่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้าง จึงไม่สามารถระบุได้ว่า บริษัทเอกชนรายใดจะเป็นผู้รับจ้าง ดังนั้นนายศักดิ์สยามจึงไม่ได้มีการกระทำที่เป็นผลประโยชน์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ
นายศุภชัย กล่าวว่า การยื่นครั้งนี้มีเจตนาที่หวังผลทางการเมืองในการดิสเครดิตนายศักดิ์สยาม ให้มีผลต่อคะแนนนิยม และถือเป็นการดูหมิ่นพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นหลังจากนี้จะพิจารณาว่าการกระทำของฝ่ายค้านนั้นผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 ใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้มีผลต่อคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจจะมีความจำเป็นในการยื่นดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป