น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางผู้สนับสนุนในชุมชนเคหะออเงิน เขตสายไหม โดยขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนในทางการเมืองมาตลอด จนได้เป็นผู้แทนของประชาชนในเขตสายไหม มานานกว่า 16 ปี เพราะทุกคนมีหัวใจ มีจุดยืน และอุดมการณ์เดียวกัน คือ ความเสียสละต่อบ้านเมือง อยากเห็นประเทศเดินต่อไปข้างหน้า อยากเห็นคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี และพ้นจากความยากจน ซึ่งเป็นปณิธานของบิดา คือ น.ต.ฐิติ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคสามัคคีธรรม แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะในภาคอีสาน ถึงแม้จะมีประชากร และมี ส.ส.ในสภามากที่สุด
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ยอมทิ้งการรับราชการทหารอากาศ ซึ่งเป็นอาชีพที่ตัวเองรักและมีความก้าวหน้า ออกมาเป็นนักการเมือง เพราะหวังจะสานต่อปณิธานของบิดาให้สำเร็จ และด้วยคำชักชวนของ น.ต.ศิธา ทิวารี ภายใต้สังกัดพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการการเลือกตั้ง กทม. ที่ให้โอกาสได้ลงสมัคร ส.ส.ในปี 2550
"ผมเคยทำหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าอธิปไตยของชาติ ผมก็คิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตยและรับใช้พี่น้องประชาชน" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่ตั้งใจทำให้สำเร็จอีกข้อคือ การตรวจสอบการบริหารราชการ เพื่อหยุดการคอร์รัปชัน เพราะมองว่าบ้านเมืองถูกกัดกร่อนจากเรื่องนี้ ตลอดชีวิตการเมือง ตนไม่เคยโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือถูกตรวจสอบว่ามีการทุจริตคอรัปชันเลย แม้โครงการแท็ปเล็ตที่มีงบประมาณให้เกือบ 4 พันล้านบาท ที่กระทรวงไอซีทีตอนนั้น ก็ใช้ไปเพียง 2 พันล้านบาทเศษเท่านั้น แต่ก็น่าเสียดายที่โครงการถูกเลิกไปเพราะรัฐประหาร ไม่อย่างนั้น วันนี้คงจะดีกว่านี้
น.อ.อนุดิษฐ์ ยืนยันว่า อุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองไม่เคยเปลี่ยน แต่เพื่อเติมเต็มภารกิจที่ต้องการทำจริงๆ ก่อนจะหมดลมหายใจไปจากโลกนี้ คือ การไม่ก้มหัวให้เผด็จการ หยุดการโกงชาติ โดยการตั้งองค์กรภาคประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีที่สุดให้ลูกหลาน
"หลังจากนี้ ผมจะเดินหน้าทำตามปณิธานต่อ ไม่ใช่เพียงแค่สายไหมต้องรอดเท่านั้น แต่ผมเชื่อว่าคนไทยก็จะต้องรอด ถ้าพวกเราทุกคนรวมพลังกัน ไม่ทะเลาะกัน มีความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว