นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ในช่วงกลางเดือนก.พ.ว่า จะไม่ใช่รูปแบบการตั้งเวทีปราศรัย เพราะพื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายไม่เพียงพอที่จะตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ โดยอาจทำเป็นลักษณะของการลงพื้นที่ไปยังจุดสำคัญต่างๆ เช่น วัดไทย วัดจีนที่สำคัญ และ มัสยิด ต่างๆ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ตนและทีมงานไปดูถึงความเหมาะสมและกำหนดรูปแบบ
"ที่เลือกเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นจุดปราศรัยแรกถือเป็นสีสัน เพราะเวลาจะออกศึกก็ต้องให้แม่ทัพเป็นผู้นำ ซึ่งชื่อหัวหน้าพรรคก็คล้องกับชื่อเขตพอดี จึงเลือกพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เปิดตัว" นายสกลธี กล่าว
พร้อมยืนยันจะต้องมีการจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน อาจจะเป็นพื้นที่ฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการหาเสียง แต่จะเป็นช่วงวันและเวลาใดนั้นขอรอความชัดเจนอีกครั้ง
สำหรับความพร้อมในการส่งผู้สมัครสนามเลือกตั้ง กทม. ขณะนี้พยายามหาตัวผู้สมัครส่งลงสมัครให้ครบทุกเขตก่อน ซึ่งยังขาดอยู่ 4-5 เขต แต่มีผู้สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงต้องคัดสรรผู้ที่มีความเหมาะสมก่อนจะวางยุทธศาสตร์ในการหาเสียง โดยตนจะยึดแนวทางเดียวกับตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คือ ลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงทุกพื้นที่ทุกเขต ส่วนรูปแบบป้ายหาเสียงก็จะมาจากส่วนกลางทั้งหมด ไม่ให้ทำกันเองแบบสะเปะสะปะ
นายสกลธี ยอมรับว่า มีความหนักใจกับการสู้ศึกเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพ ซึ่งตัวบุคคลจะมีส่วนสำคัญ 30% และกระแสอีก 70% ดังนั้นต้องยอมรับว่า การเป็น ส.ส.เก่านั้นย่อมได้เปรียบ แต่การทำกระแส การสร้างนโยบายให้ประชาชนเชื่อมั่น พลังประชารัฐก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร เบื้องต้นตนได้เรียนหัวหน้าพพรคฯ ว่าการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยาก เพราะทุกพรรคส่งตัวดีๆ ลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งหัวหน้าพรรคฯ ก็บอกว่าให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้กำหนดว่าต้องได้กี่ที่นั่ง
"ส่วนตัวคาดหวังว่าจะได้ 5-6 ที่นั่งเป็นอย่างต่ำ ไม่ต้องการประเมินให้เกินจริง การเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากปี 2562 มาก ทั้งการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวนพรรคมากขึ้นและล้วนแต่เป็นผู้สมัครน้ำดี จึงไม่อยากจะประเมินสูงไว้ก่อน ขอทำให้ดีที่สุดได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น" นายสกลธี กล่าว