น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศกลางเวทีปราศรัยงาน "แลนสไลด์เพื่อไทยเท่านั้น" บริเวณเทศบาลอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ว่า การรัฐประหารเมื่อปี 2557 ได้พรากโอกาสสำคัญของชาวหนองคายไป ถ้าไม่มีการรัฐประหาร ตอนนี้หนองคายมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงแล้ว ขนคนขนสินค้าไปขายต่างประเทศ ขนโอกาสมาให้ประชาชนมากมาย การรัฐประหารทำให้ชีวิตของประชาชนแย่ลงเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น
"เพื่อไทยมาช่วยพี่น้องล้างหนี้เอาไหม แน่นอนวันนี้ยาเสพติดมากมาย ลูกหลานติดยา เพื่อไทยมายาเสพติดต้องหมดไป สินค้าเกษตรขึ้นทุกตัว เราต้องกำหนดชีวิตของเราได้โดยการเลือกตั้งที่จะมาถึง ต้องเลือกรัฐบาลที่จะมาดูแลเราให้ได้ ขอฝากเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เลือกทั้งคนทั้งพรรค" น.ส.แพทองธาร กล่าว
โดยพรรคฯ จะใช้หลักการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ในเรื่องการเกษตรพรรคฯ จะนำเทคโนโลยีมาช่วยเกษตรกรไม่ให้ขาดทุน ปลูกสินค้าเกษตรอย่างแม่นยำ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน
"เดี๋ยวคนนี้จะเป็นเซลส์แมน เอาสินค้าการเกษตรของพี่น้องไปขายที่ต่างประเทศเอาไหม ขายได้แน่นอน" น.ส.แพทองธาร กล่าว
นอกจากนี้ พรรคฯ ยังนำเสนอ 3 นโยบาย คือ
1.ค่าแรง 600 บาท/วัน และค่าแรงปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาท รวมถึงข้าราชการด้วย
2.แก้ปัญหายาเสพติดให้หมดไป
3.สินค้าเกษตรทุกตัวราคาขึ้น
"อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ รอวันเลือกตั้ง เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค มาแก้ปัญหาให้พี่น้องทุกคน การจะแก้ปัญหาให้พี่น้องต้องคิดการใหญ่และต้องการคนทำเป็น พรรคเพื่อไทยไม่สัญญาอะไรลมๆ แล้งๆ แน่นอนค่ะ" น.ส.แพทองธาร กล่าว
ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทยไปเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐนั้นถือเป็นเกมการเมือง แต่พรรคฯ จะเอานโยบายไปแลกกับความไว้ใจของประชาชน
"เราตั้งใจจริงๆ เราโดนยุบแล้วลุกขึ้นมาใหม่ เราก็ตั้งใจแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ถือเป็นจุดประสงค์หลักของเรา เราทำพรรคให้แข็งแรงแล้วสื่อสารสิ่งที่อยากทำให้ประชาชน" น.ส.แพทองธาร กล่าว
ส่วนการเดินเกมการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยจะมีแรงพอที่จะต่อสู้ทางการเมืองหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าจะร่วมกันหรือไม่อย่างไร ขอทำให้ดีที่สุด ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะร่วมมือกับพรรคก้าวไกลนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร และเชื่อว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่การจับมืออะไรเป็นเรื่องของอนาคต ตนไม่ทราบจริงๆ
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า การรวมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคสร้างอนาคตไทยเป็นมิติทางการเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐน่าจะเป็นภาระของพรรครวมไทยสร้างชาติมากกว่าพรรคเพื่อไทย เพราะ พล.อ.ประวิตร แม้ตัวเดินช้า แต่ลีลาเดินเร็วกว่า พล.อ.ประยุทธ์ การดึงกลุ่มการเมืองเข้าพรรค แม้ไม่ใช่คนหน้าใหม่แต่ภาพสะท้อนว่า พล.อ.ประวิตร มีบารมีและได้รับการยอมรับจากฝ่ายเดียวกันเองมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตั้งแต่เปิดตัวมามีนายสุพร อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นกำลังหลักเพียงคนเดียว
กรณีมีการวิเคราะห์ว่าเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศจะไม่ร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร หากพรรคเพื่อไทยไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐจะโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มันยังไม่มีเรื่องเช่นนั้น สื่อก็บอกเองว่าหลังเลือกตั้งเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร อาจจับมือกันเอง สื่อก็มองแบบนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องดีลลับ รอให้ผลเลือกตั้งออกมาก่อนดีกว่า
สำหรับเวทีปราศรัยที่หนองคายกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ชุมพรนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราแข่งขันกับตัวเอง แข่งกับกติกาที่ถูกเอาเปรียบ แข่งกับ ส.ว. ดังนั้นทุกพรรคเดินหน้าเข้มข้น ส่วนจะประเมินพลังอย่างไรให้เป็นวิจารณญาณของประชาชนระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ น.ส.แพทองธาร ที่ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกเหมือนกัน และอาจเห็นแลนด์สไลด์ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงสนามเลือกตั้งก็ได้
ส่วนที่มีแม่ค้าพูดแซว น.ส.แพทองธาน ว่าถูกลูกน้องหักเหลี่ยมโหดนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่าไปขยายความอะไรให้ดุเดือดขนาดนั้น มันเป็นปรากฎการณ์หนึ่งทางการเมือง ในที่สุดจะยุติคลี่คลาย และน.ส.แพทองธาร ก็เดินหน้าพบปะประชาชน โดยไม่ไปตอบโต้กับใคร ไม่ว่ากับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน หรือใครก็ตาม
รายงานข่าว แจ้งว่า ระหว่างที่สื่อถาม น.ส.แพทองธาร เรื่องที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐวุฒิได้ชิงตอบแทนว่า "ผมว่าอันนั้นยังอีกไกล พลังประชารัฐยังไม่รู้ว่าจะได้มาเท่าไหร่ ไม่รู้จะได้เสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯหรือไม่ ถ้าไม่ได้เสนอ นโยบายแต่ละอย่างที่ประกาศไว้ไม่รู้จะได้ทำหรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งขอให้ฟังประชาชนก่อน