พรรคพลังประชารัฐ จัดงานเปิดตัวต้อนรับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณภาพ โดยนายอุตตมและนายสนธิรัตน์จะมาดูแลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนพล.อ.วิชญ์ ก็จะช่วยงานทั้งพรรค
ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย จะมาร่วมงานกับพรรคด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามจากนายสมคิด และส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกับนายสมคิด
ขณะที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็ยังอยู่กับพรรค พปชร.เพื่อช่วยงานด้านเศรษฐกิจ ไม่ได้ลาออกไปอย่างที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เศรษฐกิจมีงานหลายด้านที่ต้องทำ และยังไม่มีการแต่งตั้งให้ใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะภายในพรรคมีงานให้ทำอีกเยอะ เศรษฐกิจมีหลายด้าน หลายมิติ ที่จะทำให้ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และขจัดความเหลื่อมล้ำต่างๆ คุณภาพชีวิตคนไทยจะต้องดีขึ้น ถ้าพรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
*อุตตม ยันไร้เงื่อนไข-สานต่อนโยบายบัตรประชารัฐ
นายอุตตม ยืนยันว่า การกลับมาทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีเงื่อนไขเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี อีกทั้งไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่าต้องเป็นลำดับที่เท่าไร
และในการย้ายพรรคในครั้งนี้ได้มีการปรึกษากับนายสมคิด แล้ว ซึ่งนายสมคิด ก็ยินดี เพราะมาช่วยกันให้ประเทศเดินไปได้ มีความปรองดอง ลดความขัดแย้ง โดยความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม โดยในส่วนของพรรคสร้างอนาคตไทยนั้น ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่จะมีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาทำงานต่อ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า การที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะดีลกับพรรคไทยสร้างไทยล่มนั้น นายอุตตม ชี้แจงว่า การเจรจากับพรรคอื่นมีจริง แต่ไม่ลงตัว ยากต่อการได้ข้อสรุป แต่ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้ง วันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีอะไรติดใจ ซึ่งตอนพวกตนเดินออกจากพรรค ก็ไม่ได้มีความขัดแย้ง แค่อาจมีความเห็นต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง
นายอุตตม กล่าวว่า ต้องขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่เชิญมาทำงานการเมืองร่วมกัน ในเวลานี้ประเทศต้องการเดินหน้า ต้องการคนทำงาน และพล.อ.ประวิตร จึงรวบรวมผู้คนหลายฝ่ายมาทำงานร่วมกัน ซึ่งตนได้รับเกียรติจากพรรคและมาทำงานเพื่อบ้านเมือง โดยที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆ ทำงานการเมืองโดยยึดหลักสร้างความปรองดองมาตลอด พร้อมเชื่อว่า จะมีคนตามมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ตนเคยเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ และมีส่วนริเริ่มสร้างพรรคพลังประชารัฐ ได้มีส่วนคิดและผลักดันนโยบาย เช่น บัตรประชารัฐสวัสดิการ ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สานงานต่อ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ประกาศชัดเจนว่าจะขับเคลื่อนนโบายส่วนนี้
*สนธิรัตน์ ชี้ก้าวข้ามความขัดแย้ง
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เหมือนได้กลับบ้าน เพราะคุ้นเคยและทำงานกันมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค และยินดีที่ได้มีโอกาสกลับมาร่วมทำงาน การกลับมาของตนและนายอุตตม เป็นสัญลักษณ์ที่ประเทศต้องการก้าวข้ามการเมืองที่แตกแยก พรรคต้องเข้มแข็ง ทำให้เกิดความเข้มแข็งในสถาบันทางการเมืองที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาของประเทศได้
พร้อมระบุว่า ประเทศไทยหลังจากวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตพลังงาน ต้องการพลังของการเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งเมื่อพล.อ.ประวิตร เปิดโอกาส เราจึงกลับมาด้วยความเต็มใจ และตั้งใจ
"อย่าไปมองการเมืองเชิงแตกแยก หรือแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย วันนี้คือสัญลักษณ์ทางการเมืองที่ดี เชิงสมานฉันท์" นายสนธิรัตน์ กล่าว
พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตนอยู่กับพล.อ.ประวิตร มา 40 ปี และเห็นพล.อ.ประวิตร เป็นผู้นำทางการเมืองที่เด่นชัดมากที่สุดในวันนี้ พลังประชารัฐโชคดีที่มีพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค และจะนำพาพวกเราไปสู่จุดหมาย ตนเต็มใจให้พรรคเดินไปข้างหน้า และจะเป็นรัฐบาลด้วยกัน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าจะได้ ส.ส.เข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนไม่น้อยกว่า 150 ที่นั่ง วันนี้พรรคพลังประชารัฐมีทั้งผู้อาวุโสและคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีงานทำ โดยจะมีอีกหลายคนที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคด้วย
"เราจะร่วมใจกันพัฒนาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข และเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา และเราจะพัฒนาทุกพื้นที่โดยไม่แบ่งแยก จะไม่มีทางทิ้งพี่น้องประชาชนในชนบททุกๆ พื้นที่ พล.อ.ประวิตร มีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะดูแลพี่น้องประชาชน" นายสันติ ระบุ