นายปกรณ์ มหรรณพ รองเลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ก.พ. 66 กกต. จะเชิญพรรคการเมืองทั้งหมด มาประชุมร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง และของผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส. ตลอดจนการทำไพรมารีโหวต ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนด
"พุธหน้า (8 ก.พ.) กกต.จะเชิญพรรคการเมืองทั้งหมดมาคุย เรื่องค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และการทำไพรมารีโหวต เพื่อให้ทุกพรรคส่งผู้สมัครให้ถูกต้อง" นายปกรณ์ กล่าว
พร้อมกับยืนยันว่า กกต.มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีมีการยุบสภา ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรือกรณีที่สภาอยู่ครบวาระ ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่งไม่ว่าจะเกิดกรณีใด กกต.ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ และได้ขอบคุณไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่าจะไม่ก้าวล่วงการทำงานของ กกต.ในการจัดการเลือกตั้ง
"เรื่องระยะเวลานั้น ถ้ายุบสภา เรามีเวลา 60 วัน แต่ถ้าอยู่ครบกำหนด เรามีเวลา 45 วัน ถ้าหากยุบสภา เรามีเวลามากกว่ากรณีสภาครบวาระ 15 วัน เราจึงกล้าพูดว่าเราพร้อมแล้ว สำหรับจัดการเลือกตั้งให้ชอบด้วยกฎหมาย ต้องขอขอบคุณนายกฯ ที่บอกว่าจะไม่ก้าวล่วง กกต." รองเลขาธิการ กกต.กล่าว
นอกจากนี้ ยังชี้แจงถึงกรณีมีข่าวว่า กกต.ไปขอเวลาจากรัฐบาล 45 วัน ในการเตรียมจัดการเลือกตั้งว่า ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงการไปทำความเข้าใจกับรัฐบาลว่าเมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีการประกาศใช้แล้ว กกต.ก็มีความจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการแบ่งเขต การประกาศให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเรื่องการแบ่งเขต การจัดทำความเห็นการแบ่งเขตที่เหมาะสม โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการไปขอเวลาเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ กกต. แต่เป็นการคำนึงถึงพรรคการเมือง ให้สามารถมีเวลาในการจัดส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อให้ทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย
"ที่มีข่าว กกต.ไปขอเวลารัฐบาล 45 วันนั้น สิ่งที่ถูกต้องคือ เราได้ประสานรัฐบาลตลอด และเพียงแต่ไปชี้แจงทำความเข้าใจว่า เมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องประกาศใช้แล้ว เรามีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา...ไม่ใช่ความสะดวกสบาย เราเตรียมตั้งเป้าหมายการทำงานไว้แล้ว เพียงแต่เลขาฯ กกต.ท่านมีน้ำใจ คำนึงถึงพรรคการเมือง เมื่อเราทำเสร็จ พรรคการเมืองก็ต้องมีเวลาในการจัดการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ให้ถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งนี้คือสิ่งที่เราเผื่อไว้ให้พรรคการเมือง...การที่เรามีน้ำใจ คิดหวังดี กับส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาจส่งผลร้ายมาที่เรา เพราะความไม่เข้าใจ ไม่ศึกษากฎหมาย กฎระเบียบว่าเป็นอย่างไร แต่เรารับฟังความคิดเห็น ถ้าถูกต้อง เราก็จะนำไปปฏิบัติ" นายปกรณ์ กล่าว