นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อ้างว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรวมทั้งคนสัญชาติไทย และคนต่างด้าว ในขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าควรนับรวมเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้นว่า ความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ อาจเป็นเงื่อนไขในการนำไปสู่การเลือกตั้งโมฆะ แบบที่เคยเกิดเมื่อปี 2549 ที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างเหตุผลเรื่องการจัดคูหาเลือกตั้งในการล้มผลการเลือกตั้ง เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ
นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีความกังวลว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ อาจจะทำให้การจัดการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปกว่าที่กำหนด ดังนั้น ทางออกที่ง่ายกว่า คือ กกต. ควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา กกต. ใช้วิธีการแบ่งเขตคำนวณแบบนี้หรือไม่ เพราะอะไร ถ้าที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้ ก็จะไม่น่าจะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่ถ้าที่ผ่านมา กกต. ไม่ได้แบ่งเขตแบบนี้ ในครั้งนี้ก็ไม่ควรทำ
"ถ้า กกต. ฝืนทำแล้ว ทำให้มีคนไปยื่นร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ คนที่ต้องรับผิดชอบแต่ผู้เดียว คือ กกต. ไม่ใช่ไปล้มผลการเลือกตั้ง เพราะไม่ใช่ความผิดของประชาชน และคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง" นายชัยธวัช กล่าว
สำหรับเหตุการณ์เลือกตั้งโมฆะ ในปี 2549 มีสาเหตุเนื่องมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 ก.พ.49 และได้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.49 อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจาก (1) การกำหนดวันเลือกตั้งในพระราชกฤษฎีกายุบสภาโดยไม่เหมาะสมและไม่เที่ยงธรรม มีการกำหนดวันเลือกตั้งห่างจากวันยุบสภาเพียง 35 วันเท่านั้น (2) กกต.ได้กำหนดการจัดคูหาในลักษณะที่บุคคลภายนอกสามารถสังเกตเห็นได้ว่าผู้เลือกตั้งใช้สิทธิเลือกตั้งหมายเลขใด