พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิชย์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า ส.ว. พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี และให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เสียงเองว่า เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะ ส.ว.ต้องวางตัวเป็นกลางตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
"หากจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิส่วนตัว เช่นเดียวกับพรรคการเมืองที่สามารถหาเสียงได้ แต่อย่าให้น้ำหนักใครมาสะท้อนเสียง ส.ว.ทั้งหมด เพราะมันไม่แฟร์" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว
ปัจจุบันเป็นช่วงหาเสียง สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้เลือกนักการเมืองเข้ามาในสภาฯ เมื่อเข้าสู่สภาฯ แล้วจะตัดสินใจสนับสนุนจาก 2 อย่าง ประกอบด้วย จำนวน ส.ส.ที่สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อตัองมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพการบริหารงานในอนาคต
"เชื่อว่า ส.ว.จะสนับสนุนผู้ที่ ส.ส.ให้การสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง หากไม่เห็นด้วยก็อาจจะไม่ร่วมลงคะแนน สิ่งสำคัญคือการวางตัวเป็นกลาง ใช้ดุลยพินิจ สนับสนุนคนที่สามารถเป็นผู้นำประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว
หาก ส.ว.ต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้รับการเสนอชื่อ และเสียงของประชาชนจะเป็นคำตอบ ไม่มีทางที่สภาฯจะสนับสนุนทั้ง 2 คนพร้อมกัน
พล.อ.เลิศรัตน์ ย้ำว่า อยู่ที่ประชาชนจะเลือกใคร การรวมกลุ่มของพรรคการเมือง และใครจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อถึงวันนั้นมั่นใจว่าการตัดสินใจของตนจะถูกใจสื่อมวลชนแน่นอน
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กล่าวว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลในการแสดงความเห็น อย่าเหมารวม ส.ว.ทั้ง 250 คน เพราะเชื่อว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ยังเคารพเสียงของประชาชน หาก ส.ว.จะเลือกนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีเบื้องหลังที่ทุจริต ต้องเป็นบุคคลที่จะนำพาบ้านเมืองไปด้วยความสงบเรียบร้อย ยิ่งในสถานการณ์โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ดังนั้นต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นายกิตติศักดิ์ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่า ข้อความของนายวันชัยทำให้ภาพลักษณ์ของวุฒิสภาเสียหาย แต่ย้ำว่าเป็นการแสดงความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ยังเชื่อว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ฟังเสียงของประชาชน
หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ก็สามารถทำได้ แต่ ส.ว.อาจจะต้องพิจารณาหน้างานก่อนว่า ถึงวันนั้น น.ส.แพทองธาร สามารถปรับภาพลักษณ์ให้เข้ากับการเมืองได้แล้วหรือไม่ จะพาประเทศชาติไปข้างหน้าได้หรือไม่
"ต้องเสริมกระดูกทางการเมืองอีกสักหน่อย อีกสักสมัยค่อยว่ากัน เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้วว่านายกฯที่หน่อมแน้ม มันสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ เพราะไม่อยากให้แบบนั้นกลับมาอีก โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกแบบนี้ขอคนที่มีกระดูกแข็งๆก่อน" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส.ว.ไม่ได้จะจ้องที่จะเลือกแค่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือคนอื่นๆ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หากมีความเหมาะสม ตรงตามที่ ส.ว.ต้องการ