นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล มั่นใจว่า การอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 วันแรกจะครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งหมัดเด็ดสำคัญ คือ การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ในแง่ของกฎหมายคือการซักถามทั่วไปเพื่อให้รัฐบาลตอบ แต่ในเมื่ออยู่ในห้วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง เราจะยกระดับให้จริงจังและเต็มที่ในการขุดคุ้ยข้อมูล ให้อยู่ในระดับเดียวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยตนเตรียมข้อมูลไว้มาก อาจจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าในการซักฟอกรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวพันกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารงานที่มิชอบ และความล้มเหลวของรัฐบาล และฝ่ายค้านจะใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ขอวอนอย่าพยายามปิดปากการใช้เวทีนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วใครพูดอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐมนตรีจะถูกตรวจสอบและเอาผิดทุกคน แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้นคนที่ถูกซักฟอก มีทั้งบาดแผล และไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการที่จะบริหารประเทศ ทั้งวันนี้และต่อไปในอนาคต
"ผมใช้เวลาเตรียมตัว 3-4 เดือน ค่อนข้างนาน จึงมั่นใจว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจน ในการเอาผิดรัฐบาล ซึ่งจะไม่จบแค่การซักฟอก เพราะเตรียมการไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายหลังจากนี้อีกเยอะ"นายรังสิมันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากเกิดสภาล่มไม่สามารถอภิปรายได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ได้มีการเตรียมแผนสำรองเอาไว้ คงจะอภิปรายนอกสภา แม้หากต้องถูกดำเนินคดี เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง คงต้องต่อสู้คดีกันต่อไป แต่ถือเป็นการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด