ส.ส.เพื่อไทย รุมอัดรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจผิดพลาด ล้มเหลว ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เน้นแต่แจกเงิน ไม่ลดหนี้ สินค้าแพง ค่าแรงต่ำ เงินเฟ้อพุ่งสูง
นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายโดยตั้งคำถามว่าเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกล้าจะรับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตีต่ออีกสมัย โดยมองว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเจอปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักมา มองไม่เห็นอนาคต เพราะมีรัฐบาลที่เน้นแต่การแจกเงิน แต่ไม่สร้างงานหรือสวัสดิการในระยะยาว ทั้งที่จริงควรแก้ปัญหาด้วยการลดหนี้ ลดความยากจน แต่กลับเพิ่มความยากจนให้ประชาชน มีคนตกงานมากขึ้น หนี้สาธารณะพุ่งสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่ความผิดพลาด และล้มเหลว
พร้อมตั้งคำถามไปถึงการแก้ปัญหาความยากจนที่สะสมมานานว่า รัฐบาลมีทางเลือกสำหรับอนาคตให้กับประชาชนหรือไม่ หรือมีแค่การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจำนวนผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ทำให้ต้องหาทางออกด้วยตัวเอง เช่น การทำอาชีพค้าขายออนไลน์ หรือแม้แต่การเข้าไปข้องเกี่ยวกับอาชีพสีเทา
นางสุภาภรณ์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะทำให้คนจนหมดประเทศนั้น ความจริงแล้วคือ คนจนตายหมดประเทศ อยากถามนายกรัฐมนตรีว่า มีความเข้าใจความยากจนมากน้อยเพียงใดและเข้าใจปัญหาความยากจนของประเทศอย่างถ่องแท้หรือไม่ หรือรัฐบาลมองเห็นว่า "ความจน" เป็น DNA ของคนไทยไปแล้ว เงินที่รัฐบาลนำมาแจกผ่านบัตรสวัสดิการ ก็เป็นเงินกู้ เป็นเงินอนาคตที่คนไทยจะต้องรับภาระในการใช้หนี้ในอนาคต ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่มีความฝัน จะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลเอาอนาคตของพวกเขามาใช้หมดแล้ว
ด้านนายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีทรงอย่างแบด จึงทำให้ประชาชนต้องแซดอย่างบ่อยมาถึง 8 ปีแล้ว ที่ผ่านมา ประชาชนมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และในปี 65 ที่ผ่านมา เกิดปัญหาสินค้าราคาแพง จนเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ไม่ว่าจะเป็นราคาหมู ไก่ ไข่ ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสาร ประชาชนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สูงขึ้น จนรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และสุดท้ายต้องหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สุดโหด ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากในระบบอยู่ที่เพียง 1% เท่านั้น
ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลว่าค่าแรงของประเทศไทยอยู่ในอันดับต่ำมาก โดยอยู่ที่อันดับ 70 ของโลก ขณะเดียวกัน กฎระเบียบและแรงจูงใจที่ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยไทย ยังไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ขั้นตอนขออนุญาตจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฯ โดยใช้เวลาเพียง 4 เดือน ในขณะที่ไทยใช้เวลาเกือบ 2 ปี, โครงสร้างก่อสร้างระบบคมนาคมขนส่งที่ยังล่าช้า ไม่ทันประเทศเพื่อนบ้าน เช่น รถไฟความเร็วสูงของลาว ที่เชื่อมเวียงจันทน์-คุนหมิง ใช้วเลาก่อสร้างเพียง 3 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ ต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของผู้ประกอบธุรกิจ ยังมีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านถึง 2 เท่า ในขณะที่ไทยผลิตไฟฟ้าเกินกว่าความต้องการถึง 50% ซึ่งโครงสร้างพลังงานสามารถลดได้มากกว่านี้ แต่รัฐบาลกลับผลักภาระให้ประชาชน และผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ออกมาต่อต้นการขึ้นราคาพลังงานชุดนี้