ในการภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ช่วงกลางดึกวานนี้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปรายทั่วไปด้วยการเปิดโปงข้อมูลเครือข่ายค้ายาเสพติดของนาย ตุน มิน ลัต และทุนจีนสีเทาของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ที่เชื่อมโยงถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
โดยเมื่อเดือน ก.ย.65 ตำรวจกองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) จับกุม นายตุน มิน ลัต หนึ่งในขบวนการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพในประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นนักธุรกิจคนสนิทของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับสมาชิกวุฒิสภา "อ." ที่มาจากการแต่งตั้งของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ต่อมาวันที่ 3 ต.ค.65 ศาลได้อนุญาตให้ออกหมายจับ ส.ว."อ." ในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน โทษจำคุกเกิน 3 ปี ตามคำร้องของตำรวจ บก.สส.บช.น. แต่ช่วงบ่ายวันเดียวกันได้ถอนหมายจับแล้วให้ตำรวจออกหมายเรียกก่อน และเมื่อวันที่ 1 ก.พ.66 มีคำสั่งย้าย ว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ไปอยู่ สภ.บ้านเดื่อ จ.ชัยภูมิ
"ความผิดปกติทุกด้านพร้อมใจกันเกิดขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะดำเนินคดีกับ ส.ว."อ" จะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งมันจะเกิดขึ้นอย่างสอดประสานกันขนาดนี้ไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนคอยบงการอยู่ข้างหลัง คนที่มีผลประโยชน์ร่วมกับ ส.ว."อ" อย่างเหนียวแน่นและยังอยากใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป นั่นคือคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์" นายรังสิมันต์ กล่าว
ขณะที่อาคารที่ทำการพรรค รทสช.ในซอยอารีย์ 5 เป็นของ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ที่ ส.ว."อ." เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งไม่รู้ว่าพรรคได้ไปเช่าหรือเจ้าของให้ยืมใช้ฟรี
"พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใครขึ้นมามียศตำแหน่ง จริงๆ แล้วไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีประวัติดำมืดแค่ไหน สะท้อนว่าหนึ่งในปัญหาตลอดกาลของประเทศนี้ อย่างเรื่องยาเสพติดนั้น การจะจัดการถอนรากถอนโคนออกไปให้ได้อย่างเด็ดขาดจะไม่มีวันเป็นจริงเลย หากคนที่อยู่ในวงอำนาจการเมืองไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องผ่านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนต่างๆ ไม่ถูกรื้อทิ้งไปด้วย" นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนกรณีทุนจีนสีเทามีความเกี่ยวพันกับธุรกิจของหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อย้อนไปดูไทม์ไลน์การดำเนินคดีจะพบว่ามีความล่าช้าในการออกหมายจับและการตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ และข้อหาฟอกเงิน ซึ่งผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน ก.ตร.
นอกจากนี้นายตู้ห่าวยังมีภาพถ่ายที่แสดงความสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอแนะนำให้รู้จัก "เซา เซียน โป" ที่ถูกตั้งข้อหาแจ้งข้อมูลเท็จในการออกบัตรประชาชนและเอกสารราชการ มีหมายจับอยู่ที่ จ.ปัตตานี นานแล้วแต่เพิ่งถูกจับไม่กี่เดือนก่อน และนายเซา เซียน โป ใกล้ชิดกับ พล.อ."ธ." หนึ่งในนายทหารน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่มีข่าวรับเงินจากจีนมาวิ่งเรื่องรถไฟกับรัฐบาล
นอกจากนี้ ทุนจีนสีเทายังเข้ามาลงทุนตามแนวชายแดนเพื่อหลอกลวงาคนไทยไปเป็นแรงงาน จากสถิติช่วงปี 2563-2564 มีทุนจีนเทาผ่านแดนเข้ามาแบบนี้กว่า 7 พันคน เช่น "หยูซินฉี" ที่ระบุตัวเองว่าเป็นประธานสมาคมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า "มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย" ให้บริการแนะนำการลงทุน ช่วยคนจีนจดทะเบียนบริษัทในไทย นัดพบเจ้าหน้าที่ระดับสูง ช่วยเรื่องขอวีซ่า แต่เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลในไทยไม่พบการจดทะเบียนสมาคมแห่งนี้
"การโฆษณาชวนเชื่อให้คนจีนเข้ามาใช้บริการของตัวเองคือการเขียนบทความลงโซเชียลมีเดียของสมาคมและเผยแพร่ไปตามเว็บข่าวต่างๆ เนื้อหาโดยมากก็ไปในทางอวยตัวเอง แต่ที่เริ่มแปลกๆ ขึ้นมา คือบอกว่าตัวเองได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาด้านกิจการจีนของเชื้อพระวงศ์ไทยและนายพลราชองครักษ์ ซึ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเชื้อพระวงศ์ที่ว่าก็คือระดับหม่อมราชวงศ์ ซึ่งในบ้านเราถือเป็นสามัญชนเท่านั้น" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องพวกนี้รัฐบาลต้องเตรียมการป้องกันอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น จีนเทา หรือเมียนมาเทา กรณีเหล่านี้คือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ลุกลามบานปลายอยู่ในภูมิภาคนี้มานับสิบปี โดยมุ่งเป้าเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ ทั้งเปิดบ่อนการพนัน เปิดตลาดยาเสพติด ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือโฆษณาหลอกลวงต่างๆ ไปจนถึงค้าประเวณี ค้าอวัยวะ และมีคนไทยบางคนร่วมสมคบคิดให้อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เข้ามาเติบโต นี่คือพวก "ไทยเทา" ที่แฝงตัวอยู่ทั้งในตำรวจ ทหาร ศาล และราชการทุกสำนักแล้วไปแสวงหาอำนาจ