นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ประเมินการอภิปรายของฝ่ายค้านในวันแรก (15 ก.พ.) ว่า ฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ได้ดี บรรลุเป้าหมาย นำเอาข้อเท็จจริงหรือปัญหาที่เกิดขึ้นมาอภิปรายในสภา เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา พร้อมกันนี้ มองว่าหลายเรื่องจากการอภิปราย สามารถนำไปกล่าวหาตามมาตรา 151 ได้ แต่การอภิปรายเมื่อวานนี้ไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิดอย่างไร เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในบ้านเมืองที่เกิดความเสียหาย ซึ่ง ครม. มีหน้าที่บริหารโดยตรง จึงควรต้องเข้าไปดู
ทั้งนี้ เห็นว่าประเด็นที่มีหลักฐานชัดเจน สามารถนำไปยื่นองค์กรอิสระเพื่อพิจารณาเอาผิดต่อ ครม.ได้ ส่วนจะดำเนินการเมื่อใดต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เช่น ประเด็นการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายประเด็นที่มีความคาบเกี่ยวการประกอบธุรกิจที่ไม่ชอบ มีการเอื้อประโยชน์ ส่วนในการกล่าวหารัฐมนตรี แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีความผูกพันเกี่ยวเนื่อง การเอาผิดที่สามารถดำเนินการได้ คือการฝ่าฝืนจริยธรรม
ส่วนที่มีการมองว่าฝ่ายค้านใช้เวทีสภาฯ หาเสียงนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้มีการประกาศจุดยืนของฝ่ายค้านแต่แรกแล้ว ว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชนก่อนการเลือกตั้งว่าประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือก และฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องหาเสียงในสภาฯ
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯและกล่าวว่าข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านว่าเก่า และเป็นการหาเสียงในสภาฯ ว่าข้อมูลในการอภิปรายคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และฝ่ายค้านอภิปรายให้เห็นว่าเป็นประเด็นปัญหา และจะต้องถามต่อ ครม. เพื่อหาแนวทางแก้ไข โดยย้ำว่า การอภิปรายไม่ใช่เรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ แต่เกี่ยวข้องว่าเป็นการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่
นพ.ชลน่าน ไม่ขอวิจารณ์คำชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ ถึงกรณีบริษัทของหลานชายที่ถูกอภิปรายวานนี้ แต่เชื่อว่า หากทุกคนได้รับฟังก็จะรู้ แม้นายกรัฐมนตรีจะมองว่าเป็นเรื่องเดิมในการอภิปราย แต่คำตอบของนายกรัฐมนตรีก็คือเรื่องเดิมๆ เช่นกัน เป็นการตอบในลักษณะเลี่ยงว่าเป็นเรื่องของครอบครัว แต่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิเสธความผูกพันเกี่ยวข้องเป็นญาติกันได้ และมีความผูกพันที่เกี่ยวข้องทางด้านนิตินัยและกฎหมาย เนื่องจากพ่อของหลานชายดำรงตำแหน่งเป็นส.ว. และเป็นทหารที่มีอำนาจหน้าที่ และเหตุที่เกิดขึ้นก็เกี่ยวข้องกับอำนาจและหน้าที่ด้วย จึงทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิเสธได้ "ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำตอบของนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลาน หรือการแก้ไขเศรษฐกิจ มันบ่งชัดที่บอกว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านพูดมาทำหมดแล้ว 8 ปี แต่วันนี้ยังไม่มีผล ถือเป็นการพูดเอง ยอมรับเอง การทำแล้วไม่มีผล คือล้มเหลว จึงจำเป็นที่ฝ่ายตรวจสอบต้องนำมาบอกประชาชนว่าล้มเหลวอย่างไร ทำไม่สำเร็จแล้วยังอาสาต่ออีก จึงเป็นสิ่งที่ต้องพูด" นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ใช้กรอบเวลาตามที่ได้ตั้งกันไว้ ฝ่ายค้านใช้เวลาไป 12 ชั่วโมง 58 นาที ฝ่ายรัฐบาลใช้ไป 2 ชั่วโมง 30 นาที รวม 14 ชั่วโมง
นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดี ได้สรุปประเด็นข้อเสนอ โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้านเปิดประเด็นให้เห็นชัดเจนว่า มีข้อเสนอแนะอะไรบ้างที่ทำให้เกิดผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และขอชื่นชม ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลในเชิงเสนอแนะ เห็นภาพชัดเจน อาทิ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล
นายชินวรณ์ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันที่ 16 ก.พ.นี้ คาดว่า ฝ่ายค้านใช้เวลา 12 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลมีเวลาอีก 3 ชั่วโมง และน่าจะปิดการอภิปรายได้ในเวลา 01.00 น. เชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจว่าการตีรวน หรือการตั้งองครักษ์ เป็นความคิดที่หน่อมแน้ม เพราะทุกวันนี้เป็นโลกของการสื่อสารข้อมูล ดังนั้นการที่จะมีใครไปตีรวนก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ควรปล่อยให้ฝ่ายค้านเสนอแนะเต็มที ฝ่ายบริหารก็สามารถตอบชี้แจงผลงาน