นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันแรก ว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้พูดประเด็นปัญหาหลายอย่าง ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่สะสมมานาน รัฐบาลพยายามแก้ไขอยู่ นำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในรัฐบาลสมัยหน้า โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ทำมานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ได้เพิ่งมีในสมัยนี้ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เพราะทุนจีนสีเทาเหล่านี้มักชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ ดังนั้นต้องแก้ที่กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัญหาในสังคมไทยเป็นเรื่องของกฎหมาย และกฎระเบียบที่เอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา จึงต้องนำกฎหมายมาดูเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบที่ล้าสมัย เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ต้องไปจ่ายส่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐกำลังผลักดัน และเชื่อจะสามารถแก้ปัญหาได้
ขณะนี้กระทรวงฯ ได้ผลักดันพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่ออายัดบัญชี หยุดเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะบัญชีม้า ที่ขณะนี้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว รอขั้นตอนการประกาศใช้ หากมีกฎหมายฉบับนี้แล้ว จะทำให้ภาครัฐสามารถอายัดบัญชีที่ต้องสงสัยเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายได้
ส่วนกรณีมีการเปิดภาพทุนจีนสีเทาไปพบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดนั้น นายชัยวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะบุคคลเหล่านั้นมักชอบถ่ายรูปกับผู้ที่มีชื่อเสียง โดยที่ไม่มีการรู้จักเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าแต่ละคนทำธุรกิจอะไร พร้อมยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ชี้แจงถึงปัญหายาเสพติดว่า รัฐบาลได้มีมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง โดยขณะนี้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 ทำให้ยึดทรัพย์คนค้ายาย้อนหลังได้ 10 ปี และสามารถยึดทรัพย์สินทดแทนตามมูลค่าที่ค้ามาได้ด้วย
ในส่วนของคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา หรือคดีตู้ห่าวนั้น เรื่องคดีอาญาเป็นเรื่องของตำรวจ ส่วน ป.ป.ส.ดูเรื่องการอายัดทรัพย์สิน โดยขณะนี้เราสามารถยึดอายัดทรัพย์ไปแล้ว 8,651 ล้านบาท และกำลังขยายผลเพื่อดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ในเรื่องความรุนแรงในสังคม เช่น เหตุการณ์กราดยิงที่หนองบัวลำภู รัฐบาลได้มีการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและวัตถุระเบิด เพิ่มคุณสมบัติผู้ยื่นคำขออนุญาต ทั้งก่อนออก และภายหลังออกใบอนุญาต และมีการร่าง พ.ร.บ.อาวุธปืนขึ้นใหม่ อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งการเสนอแก้ พ.ร.บ.เยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา เพิ่มเงินให้สูงขึ้น จากเดิมจ่ายผู้เสียชีวิตจะได้ 110,000 บาท เป็น 225,000 บาท และการจัดทำ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง (JSOC) เพื่อให้คนในสังคมปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กและสตรี
"ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมเราทำงานอย่างจริงจัง ได้เสนอแก้ไขกฎหมายไปแล้ว 13 ฉบับ ผลักดันกฎหมายจนสำเร็จแล้ว 9 ฉบับ" นายสมศักดิ์ ระบุ