นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงต่อสภาฯ ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ถึงการดำเนินงานของกระทรวงฯ ที่ผ่านมา ตนได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดยึดถือระเบียบ กรอบกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ขณะที่ตนจะสั่งการเรื่องใดก็เป็นไปตามอำนาจและหน้าที่เท่านั้น
กรณีการต่อสัญญาทางด่วนนั้นพิจารณาจากมูลหนี้ข้อพิพาท 1.37 แสนล้านบาท ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สามารถเจรจาต่อรองให้มูลหนี้ลดลงเหลือ 7.8 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้เป็นฐานในการต่อสัญญาทางด่วน 15 ปี 8 เดือน และตลอดระยะเวลาสัมปทานจะให้ประชาชนใช้บริการฟรีในวันหยุดนักขัตฤกษ์คิดเป็นมูลค่า 10,867 ล้านบาท ส่วนผลจากการรับสภาพหนี้ดังกล่าวทำให้ กทพ.มีหนี้เพิ่มจนฐานะทางการเงินติดลบ เนื่องจากขาดทุน 6.5 หมื่นล้านบาทนั้นเป็นการขาดทุนทางบัญชี ขณะที่ผลประกอบการจริง กทพ.ยังสามารถจัดส่งรายได้เข้ารัฐปีละ 3-4 พันล้านบาท
กรณีการไม่ลงบัญชีที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากมีที่ดิน 69.19 ไร่ที่ไม่มีปัญหาโต้แย้งกรรมสิทธิ์ ส่วนที่ดินอีก 5,083 ไร่ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ ที่ รฟท.ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
กรณีการเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวหลังรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศ โดยให้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูมิภาค ส่วนกรณีสัมภาระตกค้างนั้นเป็นผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แต่ขณะนี้ได้เพิ่มกำลังคน และอนุญาตให้สายการบินสามารถให้บริการภาคพื้นให้ลูกค้าได้ชั่วคราว
กรณีความล่าช้าในการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เนื่องจากมีการออกแบบไว้นานแล้ว เมื่อถึงเวลาก่อสร้างเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิศาสตร์และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะสามารถเปิดให้ทดลองวิ่งช่วงปากช่องถึงปลายทางที่เลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทาง 80 กิโลเมตร และในปี 68 จะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบ
กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่ง รมว.คมนาคม ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการทำงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ดังนั้นจึงต้องรอส่งเรื่องมาให้ตนพิจารณาก่อนเสนอ ครม.
กรณีเอกชนที่เข้ามารับสัมปทานระบบเช็กอินด้วยตัวเองได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้น ตนจะมอบนโบายให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เข้าไปเยียวยาภาคเอกชนตามคำแนะนำของ ส.ส.
รมว.คมนาคม กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาส่งผลให้ดัชนีด้านการขนส่ง (LPI) ของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นจากอันดับ 152 ในปี 59 มาอยู่อันดับ 32 ในปี 65 และตั้งเป้าที่จะขยับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 25 ภายในปี 70