ตามที่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะทำให้กระบวนการสอบสวนการยุบพรรคเร็วขึ้น จะส่งผลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ เนื่องจากพรรคได้รับเงินบริจาคจากทุนจีนสีเทานั้น
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า กกต. มีสิทธิ์ที่จะออกประกาศได้ และสามารถนำกฎหมายฉบับดังกล่าวไปใช้ได้ จากเดิมที่อาจจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่านี้ อาจเป็น 3 ปี 7 ปี แต่มาใช้ระยะเวลาตรวจสอบที่รวดเร็วขึ้น อาจใช้เวลา 3 เดือน 7 เดือน ก็อาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองที่มีคดีความอยู่ จะได้รับผลกระทบ
ส่วนผลกระทบจากระเบียบดังกล่าว จะส่งผลถึงการยุบพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงต้องไปถามฝ่ายกฎหมาย อย่างไรก็ดี หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะมีเหตุที่อาจจะทำให้ถูกยุบพรรคได้ โดยในอดีตที่ผ่านมา เคยเจอเหตุการณ์พรรคถูกสั่งยุบมาแล้ว 2 ครั้ง คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคมัชฌิมา
ส่วนการย้ายพรรคของกลุ่มสามมิตร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ให้เป็นการตัดสินใจของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตนพร้อมที่จะทำตาม ส่วนจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวทีเล่นทีจริงว่า "ก็ไม่แน่"
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การจับขั้วทางการเมืองขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยจะต้องรอดูหลังมีผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 99% และนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐที่เดินทางสายกลาง ไม่ทำให้พรรคลำบาก ซึ่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีความพยายามในการทำงาน