พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบ กกต. ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 โดยสามารถพิจารณาคดียุบพรรคได้เร็วขึ้น และถูกมองว่า พปชร. จะเป็นพรรคแรกที่ถูกนำมาตรวจสอบ หลังถูกร้องเรียนเรื่องการรับเงินบริจาคจากบุคคลที่ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย โดย พล.อ.ประวิตร มีท่าทีนิ่งเฉย และเดินเข้าห้องรับรอง ที่ตึกสันติไมตรีทันที
ด้านนายประสาน หวังรัตนปราณี คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐประเด็นเรื่องรับเงินบริจาค ว่า เชื่อว่ากรณีการรับบริจาคเงินเข้าพรรคไม่น่าจะมีปัญหา เพราะขณะที่บริจาคนั้น ผู้บริจาคมีสัญชาติไทยสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่มาของเงินนั้น พรรคไม่สามารถรู้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เขาแสดงความจำนงยื่นขอบริจาคเงิน ซึ่งสามารถทำได้ อีกทั้งในขณะนั้นผู้บริจาคมีสัญชาติไทย ไม่ใช่ต่างชาติ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ระเบียบดังกล่าวของ กกต. เป็นการออกมาเพื่อสกัดพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น นายประสาน ระบุว่า คงไม่ใช่ประเด็นนั้น เพราะเป็นการออกระเบียบปฏิบัติทั่วไปตามกฎหมายแม่เท่านั้นเอง เป็นเรื่องปกติ อีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่รัฐ จะไต่สวนหรือสอบสวนผู้ใด ต้องเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจมีความผิดตาม มาตรา 157
พร้อมกันนี้ ไม่มองว่า กกต.จะออกระเบียบมาเพื่อเอาผิดย้อนหลังพรรคการเมือง แต่การออกระเบียบ กกต.ดังกล่าว เพื่อหวังให้พรรคการเมืองยึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย
"จะไปย้อนหลัง คงไม่ใช่ ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย" นายประสาน ระบุ