หลังจากเกิดปัญหาการออกมาปะทะคารมผ่านสื่อโซเซี่ยลกันระหว่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อย่างดุเดือดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ล่าสุด ทั้ง 2 ได้ออกมาโพสต์รูปภาพกอดคอกันหย่าศึก พร้อมอธิบายความว่าได้มีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว พร้อมได้ขอโทษผู้สนับสนุนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
โดยนายปิยบุตร ระบุว่า สถานการณ์การเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้จำเป็นต้องมีพรรคก้าวไกล โดยสนับสนุนให้นายพิธาและผู้บริหารฯ นำพาพรรคก้าวไกลสู้การเลือกตั้ง พร้อมทั้งขอโทษที่ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเกิดความกังวลใจ และขอให้ทุกคนร่วมต่อสู้ตามความฝันต่อไป
ขณะที่นายพิธา ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า ในการทำงานการเมืองแน่นอนว่ามีความเห็นที่แตกต่างกัน มีแนวทางการทำงานไม่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายทั้งสองคนยังมีอุดมการณ์ เป้าหมาย และความฝันเดียวกัน ดังนั้น เราจะเดินทางร่วมกันต่อไป
นายพิธา ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ยืนยันว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ของตนกับนายปิยะบุตรดี 1000% ส่วนปมปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการทำงานเล็กๆ น้อยๆ หลายเรื่องรวมกัน ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น การที่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิก็ไม่สามารถที่จะมาครอบงำได้ และตนก็เป็นตัวของตัวเองในวิธีคิด ไม่ได้สร้างความขัดแย้งเพื่อเรียกเรตติ้งช่วงใกล้เลือกตั้ง พรรคมีวุฒิภาวะพอที่จะหาเสียงและทำงาน แต่บางครั้งมีความไม่เข้าใจกันและโอกาสในการพูดคุยกันมีน้อย จึงมีการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
"เท่าที่คุยกัน การวิพากษ์วิจารณ์ การถกเถียงถือเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด เพราะเป็นบุคคลสาธารณะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกันหากกลายเป็นเรื่องที่ออกไปข้างนอกและไม่สามารถควบคุมได้ก็ตกลงกันว่าจะยังคงวิพากษ์วิจารณ์ถกกันเหมือนเดิม แต่จะไม่ให้กระทบกับสมาชิกพรรคและประชาชนเหมือนครั้งที่ผ่านมา นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก" นายพิธา กล่าว
ส่วนโอกาสที่นายปิยบุตร และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะร่วมลงพื้นที่ช่วยพรรคก้าวไกลหาเสียงนั้น นายพิธา กล่าวว่า ตามกฎหมายทั้งคู่สามารถมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ ซึ่งทั้งคู่พร้อมจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล ส่วนจะหลีกเลี่ยงข้อครหาครอบงำได้อย่างไร ต้องทำให้ชัดเจนด้วยการแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อลงรายชื่อให้เป็นผู้ช่วยหาเสียง เหมือนสมัยกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
นายพิธา กล่าวว่า อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่จะมีอิทธิพลต่อพรรคก้าวไกลในเรื่องอุดมการณ์ความคิดที่แชร์ร่วมกันตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ส่วนเรื่องบริหารจัดการ การคัดเลือกตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และนโยบาย เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรค
"คนอื่นอาจจะดูว่าสะดุดหรือเปล่า ถอยหรือไม่ แต่การที่จะกระโดดให้ไกล เราต้องถอยกลับมาหนึ่งก้าวก่อน เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่สะสมและปะทุออกมา ได้ทำความเข้าใจกัน ก็ระลึกถึงสิ่งที่เรามาเป็นนักการเมือง และตั้งพรรคการเมืองทำไม มันชัดเจนมากขึ้น ทำให้เรามีพลังมากขึ้น และใช้พลังนี้ต่อยอดไปจนถึงวันเลือกตั้งให้ได้" นายพิธา กล่าว