นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 25-26 ก.พ.66 พร้อมระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนพ.ค. และประกาศนโยบายชุดใหญ่หลังจากรัฐบาลยุบสภา
สำหรับกำหนดการในวันที่ 25 ก.พ. พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่พบปะประชาชน และเปิดปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงราย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
โดยในช่วงเช้า จะไปพบปะผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ ที่ รร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง โดยเวทีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 - 18.30 น. และหลังจากปราศรัยแล้ว พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่ถนนคนเดิน ในอำเภอเมืองเชียงรายด้วย
ส่วนกำหนดการวันที่ 26 ก.พ. พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยช่วงเช้า จะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม และช่วงบ่าย จะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 จากนั้นช่วงเย็น จะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
"เราจะคำนึงถึงอายุครรภ์ และความพร้อมทางร่างกายของ น.ส.แพทองธาร ขอขอบคุณพี่น้องในพื้นที่ ที่ส่งความห่วงใยกันมามาก ขอยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ยังคงตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพบปะพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยใช้เวลาในช่วงนี้ให้ได้คุ้มค่าที่สุด สำหรับการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยภายใต้เป้าหมายแลนด์สไลด์" นายณัฐวุฒิ ระบุ
ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ยังเชื่อว่า หลังยุบสภาที่พรรคเพื่อไทยจะประกาศนโยบายชุดใหญ่นั้น คะแนนนิยมของพรรค และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะพุ่งทะยานมากกว่านี้ หลังจากที่ผ่านมา มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลสำรวจของสำนักโพลต่างๆ ที่ออกมาตรงกันว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะยุบสภาในเดือนมี.ค.นั้น นายณัฐวุฒิ มองว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย นายกฯ จะยุบสภาวันใด เมื่อไรก็ได้ ตามที่กฎหมายจะให้อำนาจ แต่พรรคเพื่อไทย รอเพียงวันที่จะได้กลับเข้าไปทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนที่มอบหมายให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์แล้วเท่านั้น
ส่วนการประกาศสโลแกนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" นั้น นายณัฐวุฒิ มองสวนทางกับพล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เป็นการ "ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก" ดังนั้นอยู่ที่ประชาชนจะพิจารณาตัดสินใจ
"หากเห็นว่าทำเจ๊ง ทำจนมา 8 ปีแล้ว ยังจะทำอีก ก็ขอให้ตัดสินใจร่วมกันให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเข้าไปแก้ปัญหา" ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่าขณะนี้พรรคฯ ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เกือบครบ 400 เขตแล้ว ทุกคนล้วนต้องผ่านกระบวนการ ซึ่งจะยึดคนที่ได้ประกาศตัวไปก่อนเป็นหลัก ในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กำลังเปิดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะลงสมัครในส่วนนี้แจ้งมา
ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยสนับสนุนพรรคฯ ย้ายไปร่วมงานกับพรรคอื่น นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า มีผลกระทบ แต่ไม่ส่งผลและไม่มีนัยสำคัญต่อการได้มาซึ่งคะแนน ทุกคนมีเสรีภาพในการเลือก หากไม่ได้เปิดตัวกับพรรคฯ ก็มีสิทธิ์ไปร่วมกับพรรคอื่นได้ ซึ่งพรรคฯ เคารพการตัดสินใจ ไม่ใช่การทอดทิ้ง แม้ไม่ได้เปิดตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคฯ ก็สามารถทำงานร่วมกันในส่วนอื่นได้
ส่วนกรณีมีข่าวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร จะย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้คุยกัน ขอให้รอดูไปก่อน
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาชูสโลแกน "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ส่วนตัวมองว่าถ้าตัดคำว่า "ทำ" ออกไปแล้วเหลือแค่ว่า "แล้วอยู่ต่อ" ซึ่งต้องขึ้นกับประชาชนว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่