นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นถึงการดูแลราคาพลังงาน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน, ก๊าช, ไฟฟ้า ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม
"การคิดหาแนวทางลดราคาพลังงาน จึงเป็นเข็มมุ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันทำ แต่ต้องอยู่ในกรอบของ 1. ความเป็นไปได้ 2. ไม่สร้างผลกระทบระยะยาว 3. ยั่งยืน"
พร้อมเสนอ 5 เรื่องที่ควรปรับเปลี่ยนภายใต้ 3 กรอบแนวคิดนี้ คือ
1. โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันที่ดูซับซ้อนนั้น ควรได้รับการปรับเปลี่ยน เช่น เปลี่ยนการคิดต้นทุนด้วยราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอ้างอิงตามราคาตลาดสิงคโปร์ ให้เป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรม
2. เปลี่ยนการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน คือ รักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันในประเทศ ยกเลิกการนำเงินกองทุนนี้ไปแทรกแซงและอุดหนุนราคา จนทำให้ราคาพลังงานบางชนิดถูกบิดเบือนให้ถูกกว่าราคาตลาด แต่กลับไปสร้างภาระให้คนใช้พลังงานอีกชนิดหนึ่ง การบิดเบือนราคานี้ นำไปสู่การบิดเบือนพฤติกรรมผู้ใช้พลังงานด้วย
3. การอุดหนุนราคาพลังงานบางชนิดที่ยังจำเป็นต้องมี ก็ควรดูแลเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ไม่ใช่อุดหนุนเป็นการทั่วไป และควรไปตั้งงบประมาณสำหรับการอุดหนุนต่างหาก แยกออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อที่พลังงานที่ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ จะได้ใช้ราคาตลาดตามกลไกตลาดที่มีการแข่งขันเสรี
4. การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ ควรแยกตั้งงบประมาณเพื่อการดูแลเกษตรกรต่างหากออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะได้ไม่ไม่ทำให้ราคาตลาดบิดเบือน และจะได้ช่วยเกษตรกรได้ตรงเป้ามากขึ้น
5. จริงจังกับแผนสนับสนุนพลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก เพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนของชาติไทย
"แค่ข้อ 1 ถึง 4 ก็สามารถลดราคาพลังงานแต่ละชนิดไปได้หลายบาท" นางนฤมล ระบุ