น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีมีเอกสารของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการยุบสภาในวันที่ 15 มี.ค.66 เพื่อจัดการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.66 นั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมอยู่แล้วกับการหาเสียงเลือกตั้ง
สิ่งที่เป็นห่วงคือการนับผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่อยากให้เกิดความโปร่งใสที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการว่าออกมาใช้สิทธิ์แล้วจะต้องทำให้เกิดความโปร่งใสได้ขนาดไหน เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ด้วย อยากให้ผู้มีอำนาจคุ้มครองสิทธิประชาชนด้วย เพราะประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ
กรณีที่นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย จะย้ายไปลงสมัคร ส.ส.ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น วันนี้แข่งขันนโยบาย ถ้าเราได้รับเลือกตั้งจะทำนโยบายที่หาเสียงไว้ให้กับประชาชน ผู้สมัคร ส.ส.พร้อมหมดแล้ว ทุกคนพร้อมทุ่มเทเต็มที่ทุกเขตที่เคยได้และไม่ได้ ใครย้ายพรรคไม่ย้ายพรรคเราพร้อมเดินหน้าต่อ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศมอตโต้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ" ตนคิดว่าฮึกเหิมดีสมเป็นชายชาติทหาร แต่นโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องคิดใหญ่ ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน คิดใหญ่เพราะปัญหา 1 ทศวรรษมีปัญหามากทำให้ต้องคิดใหญ่ เราคิดใหญ่ตอน 30 บาทรักษาทุกโรคในสมัยพรรคไทยรักไทยที่มีแฮชแท็กโจมตีว่าทำไม่ได้ 30 บาทตายทุกโรค แต่ทุกวันนี้ประชาชนได้ประโยชน์ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำงานหนักเพื่อประชาชน และเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชนได้จริงๆ นั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจ
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า เราไม่ได้สนใจว่าจะยุบสภาวันใด เรามุ่งมั่นสู่การเลือกตั้งแน่นอน เพราะพรรคฯ พร้อมเลือกตั้งตลอด การหาเสียงจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น และเมื่อมีการประกาศยุบสภาแล้ว พรรคฯ ก็พร้อมประกาศนโยบายและแคนดิเดตนายกฯ ทันที
สิ่งที่พรรคฯ เรียกร้องไปยัง กกต.ให้มีการนับคะแนนแบบเร่งด่วนหรือเรียลไทม์ แต่ กกต.บอกทำไม่ได้ต้องประกาศผลตอน 22.00 น. ตรงนี้เป็นข้อห่วงใยถ้าไม่มีการนับแบบเรียลไทม์ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันตรวจสอบ และ กกต.ต้องเปิดเผยการนับคะแนนตั้งแต่หน่วยเลือกตั้งหน้าเขตไปจนถึงจุดนับคะแนนของอำเภอและนับคะแนนแบบคอมพิวเตอร์ที่โปร่งใส ลดทอนข้อครหาให้ได้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า เรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ จะทำได้ในวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งยังพอมีเวลา ต้องมีกระบวนการผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ซึ่งพรรคมีความพร้อมในการประกาศทั้ง 3 รายชื่อ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา ตนไม่มีความกังวล สบายๆ โคราชไม่กลัว อย่าไปเชื่อคำพูดที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าจะมีคนมาฟังการปราศรัยจำนวน 50,000-100,000 คน เพราะนายเสกสกลเคยกล่าวเท็จต่อหน้าย่าโม อย่าเพิ่งไปเชื่อ คนเคยโกหกต่อหน้าย่าโมแล้วคำพูดเหล่านั้นไม่น่าเชื่อถือ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ กกต.นับคะแนนเลือกตั้งเหมือนที่ผ่านมา กกต.เคยทำให้โปร่งใส กกต.ต้องรายงานผลการนับคะแนนให้ทันเวลา ไม่ใช่ทำให้มันซับซ้อนจนเกิดปัญหา ไม่อยากได้ยินเรื่องบัตรเขย่ง คะแนนคร่อมกันไปมาจนเกิด ส.ส.พันธุ์พิเศษเหมือนการเลือกตั้งครังที่แล้ว ดังนั้น กกต.ทั้งหลายต้องทบทวนท่าที ให้การนับคะแนนทันเวลาเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้พร้อมกับสื่อมวลชน วิธีการอื่นจะทำให้สงสัยว่า กกต.ทำงานเอื้อให้ใครหรือไม่ ถ้า กกต.ทำงานให้ใครก็แสดงว่า กกต.ไม่ได้ทำงานให้ประชาชน