นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค เช่น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุ่นนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ร่วมกันเปิดตัว 33 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้งาน "ประชาธิปัตย์ = ประชาชน DEM FOR ALL" โดยมีกองเชียร์จากทุกเขตเดินทางมาให้กำลังใจ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากการประกาศตัวผู้สมัครครบทั้ง 33 เขตแล้ว ยังต้องการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแรง ของพรรคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีวุฒิภาวะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พรรคไม่เปลี่ยนและไม่เคยคิดเปลี่ยนก็คืออุดมการณ์ที่สะท้อนจุดยืน 3 ข้อ คือ
จุดยืนที่ 1 ปชป.จะเดินหน้าไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต เพื่อให้เป็นที่พึ่งของคนทั้งประเทศ เป็นที่พึ่งของคน กทม.ตราบชั่วลูกชั่วหลานต่อไปในอนาคต ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองที่พึ่งเฉพาะกิจของคนกรุงเทพฯ แต่ ปชป.คือความหวังที่ยั่งยืนของคนไทยและคนกรุงเทพฯ
จุดยืนที่ 2 ปชป.จะพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย 3 เสาหลัก
- เสาหลักที่ 1 ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นจุดยืนที่ไม่มีวันเปลี่ยนสำหรับ ปชป. พรรคสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้จะไม่ยกเลิกมาตรา 112 เพราะเป็นบทคุ้มครองประมุขของประเทศที่ทุกประเทศ ต้องมีไว้คุ้มครองประมุขของตัวเอง
- เสาหลักที่ 2 เดินหน้าประชาธิปไตยสุจริต โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต เพราะความซื่อสัตย์สุจริต คือรากแก้วของความเป็นเรา และคือรากแก้วที่จะนำต้นไม้ประเทศไทยให้เติบใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต ออกดอกออกผลให้คนไทยทั้งประเทศได้เก็บได้กินต่อไป ถ้าไม่มีความสุจริต ถนนร้อยสายก็เหลือ 10 สาย แหล่งน้ำ 200 แห่งก็เหลือ 120 แห่ง ไฟฟ้า ประปา ในชุมชน กทม.แทนที่จะมีล้านดวงก็เหลือ 2 แสนดวง มันจะหายไปกับความไม่ซื่อสัตย์ สุจริต
- เสาหลักที่ 3 ต้องเป็นประชาธิปไตยท้องอิ่ม ถ้าคนท้องหิว ประชาธิปไตยก็ไปไม่รอด ประชาธิปไตยจึงต้องไปคู่กับปัญหาปากท้องของประชาชนและถ้า ปชป.เป็นแกนตั้งรัฐบาลจะพาประเทศไทยเดินหน้าไปด้วยยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ และสร้างความผาสุกให้คน กทม.เพื่อให้ประเทศและประชาธิปไตยขับเคลื่อนต่อไปได้ด้วยการสร้างเงินให้คนไทย สร้างเงินให้ประเทศ
จุดยืนที่ 3 ไม่เอาธนกิจการเมือง ไม่เอาการเมืองที่ใช้เงินประมูลตัวผู้แทนราษฎร ไม่เอาการเมืองที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะนี่คือต้นตอของการถอนทุนคืน นี่คือต้นตอของการทุจริตคอรัปชั่น และนี่คือต้นตอของการนำประเทศและประชาธิปไตยไปสู่หายนะ
น.ส.วทันยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายคนกังวลกับปัญหา ปชป.เลือดไหลออก นั่นเป็นเหตุผลที่ตนมาอยู่ตรงนี้เพื่อบอกกับทุกคนให้มั่นใจว่า ปชป.ไม่ได้มีแต่เลือดไหลออกอย่างเดียว แต่มีเลือดใหม่อย่างตนและผู้สมัครหน้าใหม่ไหลเข้าอย่างไม่ขาดสาย จากประวัติศาสตร์ทุกมุมโลกจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมมีการสูญเสียถือเป็นเรื่องปกติ ปชป.ก็เป็นเช่นนั้น การที่ต้นไม้ใหญ่จะผลิดอกออกผลก็ต้องผลัดใบ เพื่อให้ยุคสมัยหน้าของ ปชป.ได้ผลิดอกออกผลให้สวยงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทีมกรุงเทพฯ ของพรรคได้เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยโครงการฟัง-คิด-ทำ เพราะถือว่าประชาชนเป็นหัวใจสำคัญของพรรค สืบเนื่องถึงการจัดงานในวันนี้ "ประชาธิปัตย์ = ประชาชน" เพราะต้องการย้ำให้เห็นว่าประชาชนอยู่เหนือประชาธิปัตย์ และผู้สมัครทุกคนเป็นอาสาสมัครที่เข้ามาเป็นสะพานเชื่อมต่อโอกาส และแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน
"การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือเครื่องย้ำชัดว่า อุดมการณ์และความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ย่อมยืนอยู่เหนือตัวบุคคล และเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่คู่คนไทยมาได้ 77 ปี และทำงานการเมืองเพราะตระหนักอยู่เสมอว่า เจ้าของอำนาจที่แท้จริงคือประชาชน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนและรักพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมา แม้จะมีครั้งหนึ่งที่ว่อกแว่ก นอกใจไปเลือกพรรคอื่นบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง วันนี้ขอให้เรากลับมาบ้านหลังเดิม กลับมาช่วยกันทำบ้านหลังนี้เข้มแข็ง อบอุ่น และยิ่งใหญ่ไปกว่าเดิม เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านของประชาชนอย่างแท้จริง และเลือดประชาธิปัตย์ยังคงไหลเวียนอยู่ในคน กทม.เสมอ" น.ส.วทันยา กล่าว
นายสุชัชวีร์ เริ่มต้นด้วยคำถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา ปัญหากรุงเทพฯ น้อยลงหรือไม่ ปัญหา PM 2.5 มีใครสนใจเราหรือไม่ น้ำท่วมตั้งแต่ลาดกระบัง บางนา พระโขนง ลาดพร้าว ไปจนถึงดอนเมือง มีน้ำทะเลหนุนที่บางพลัด บางกอกน้อย ไปจนถึงบางบอน บางขุนเทียน พรรคประชาธิปัตย์เจ็บปวดเหมือนพี่น้องประชาชน แต่ 4 ปีที่ผ่านมาพรรคไม่มีโอกาส เพราะเราไม่มี ส.ส.ในกรุงเทพฯ เลย ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ ถ้าปล่อยกรุงเทพฯ ไปอีก 4 ปี ลูกหลานของเราจะอยู่อย่างไร ทุกท่านจะอยู่อย่างไร
"วันนี้ ผู้สมัคร 33 เขต 33 คน คือตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะประชาธิปัตย์ไม่หนีไปไหน เราอยู่ร่วมกันมา 77 ปี และยังคงอยู่ที่นี่กับพวกเราตลอดไป และทั้ง 33 คน มีความมุ่งมั่น มีพลัง อยากทำงานเพื่อกรุงเทพฯ และบ้านเมือง การแก้ปัญหา กทม. ต้องไปแก้กฎหมายหลายเรื่อง จำเป็นที่จะต้องมี ส.ส.ทั้ง 33 คน เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้มีสิทธิ์สูดอากาศสะอาด ให้ลูกหลานมีโอกาสเรียนดีตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรี ได้เดินทางอย่างปลอดภัย ไม่ใช่สร้างถนนไม่เสร็จ หรือสร้างเสร็จก็พัง ผมขอให้พี่น้องประชาชนให้โอกาส 33 เขต 33 คน เพราะพรรคประชาธิปัตย์คือประชาชน และประชาธิปัตย์พิสูจน์แล้วว่า เราคือพรรคที่เกิดมาเพื่อประชาธิปไตย และผมจะอยู่ที่นี่ อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกเขตทุกคน" นายสุชัชวีร์ กล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ ที่ได้เปิดตัวผู้สมัคร 33 คน 33 เขต เพื่อเดินหน้าสู่ชัยชนะ ทุกคนมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้พิจารณามาอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อมาเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนทั้งกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีอุดมการณ์ตามแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ในทุกอณูของร่างกายที่ประกอบด้วย 1.ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2.ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ 3.ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต และที่สำคัญคือทุกคนยึดมั่นในหัวใจที่รับใช้ประชาชน เพราะรากฐานของประชาธิปัตย์คือประชาชน
หลังจากนั้น นายองอาจ ได้แนะนำที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 คนบนเวที เพื่อแสดงเจตจำนง และความมุ่งมั่นเพื่อรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ได้แก่
1.นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ เขตพระนคร-ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์-ดุสิต
2.น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตปทุมวัน-สาทร-บางรัก
3.นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตบางคอแหลม-ยานนาวา
4.นายพงศกร ขวัญเมือง เขตคลองเตย-วัฒนา
5.นายธนา ชีรวินิจ เขตดินแดง-ห้วยขวาง
6.น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตพญาไท-ราชเทวี
7.นายภูเบศร์ อภัยวงศ์ เขตบางซื่อ-ดุสิต
8.นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เขตลาดพร้าว
9.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เขตหลักสี่-จตุจักร
10.นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ เขตดอนเมือง
11.นายวัทธิกร หรุ่นศิริ เขตสายไหม
12.น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ เขตบางเขน
13.นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขตบางกะปิ
14.นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช เขตบึงกุ่ม
15.นายสุนันท์ มีนมณี เขตมีนบุรี
16.น.ส.เกศกานดา อินช่วย เขตคลองสามวา
17.น.ส.ณัฐิดา เตาเฟ็ส เขตหนองจอก
18.นายสุพจน์ ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง
19.นายกิตพล เชิดชูกิจกุล เขตสะพานสูง-ประเวศ
20.นายจักรวี วิสุทธิผล เขตสวนหลวง
21.นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ เขตบางนา-พระโขนง
22.นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ เขตธนบุรี-คลองสาน
23.น.ส.สุภัสสรา ธงไชย เขตจอมทอง
24.นายชยิน พึ่งสาย เขตราษฏร์บูรณะ-ทุ่งครุ
25.นายสากล ม่วงศิริ เขตบางขุนเทียน
26.น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตบางบอน-หนองแขม
27.นายวัชระ เพชรทอง เขตทวีวัฒนา-หนองแขม-ตลิ่งชัน
28.นายฮารูน มูหมัดอาลี เขตบางแค
29.นายธนูชยานันท์ ปั้นบริสุทธิ เขตภาษีเจริญ-ตลิ่งชัน
30.นางสุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตวังทองหลาง
31.นพ.พลวิทย์ เจริญพงศ์ เขตบางกอกน้อย-ตลิ่งชัน
32.นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขตจตุจักร
33.นายชนินทร์ รุ่งแสง เขตบางพลัด-บางกอกน้อย