นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำและสมาชิกพรรค จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรคพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 โดยใช้ยุทธการทุบหม้อข้าวหม้อแกง ตั้งขบวนรถแห่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ ประมาณ 30 คัน ติดป้ายประกาศนโยบายที่จะใช้หาเสียง เช่น ปากท้อง, ทวงคืนน้ำมันไทย, ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นต้น แห่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เดินทางไปยังอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่
จากนั้น ตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ ได้จุดธูปบูชาพระเจ้าตาก พร้อมกับให้คำปฏิญาณว่าจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม โดย นพ.ระวี ได้ชักดาบและใช้ไม้คมแฝกทุบหม้อดิน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เดียวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการกอบกู้เอกราช และตะโกนว่า "ผู้ชนะ" 3 ครั้ง
นพ.ระวี ระบุว่า พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ในนามพรรคพลังธรรมใหม่ โดยขออาสาแก้วิกฤติของชาติให้หมดสิ้นไป พรรคพลังธรรมใหม่พร้อมนำความสุขความอยู่ดีกินดี และความเป็นธรรมสู่ประชาชนทั่วประเทศ
"การใช้ยุทธศาสตร์ทุบหม้อข้าวหม้อแกง เพราะเห็นว่ายุทธศาสตร์ในอดีต มีความจำเป็นต้องทุ่มเท เพื่อรบให้ชนะ หากแพ้ก็จะตาย เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังธรรมใหม่ ที่แพ้ก็ตาย เราประกาศตัวสู้เต็มรูปแบบ หากแพ้การเลือกตั้ง พรรคพลังธรรมใหม่ก็คงจะจบ แต่มั่นใจในชัยชนะที่จะเกิดขึ้น จึงตีหม้อเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้สมาชิกทั่วประเทศทุ่มเทในการหาเสียง" นพ.ระวี กล่าว
สำหรับเป้าหมายครั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ขอประกาศนโยบายเพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยไม่ใช่นโยบายประชานิยม ที่สำคัญคือพรรคพลังธรรมใหม่จะไม่ดีแต่พูด ในวันแรกหากได้เข้าสภาจะยื่นญัตติ พ.ร.บ.กฎหมายเกี่ยวกับนโยบายของพรรคทันที มองว่าภายใน 1 ปี จะนโยบายที่หาเสียงสำเร็จ และขอฝากถึงประชาชนว่า พรรคการเมืองเล็กพรรคหนึ่ง กล้าที่จะประกาศสู้เลือกตั้ง หากตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าเวลานั้นจะเป็นนาทีทองของประเทศไทย
พร้อมระบุว่า พรรคพร้อมรับกับกติกาเลือกตั้งใหม่ แม้จะไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก โดยระบุว่า ในฐานะนักกีฬา ยินดีรับกติกานี้ ที่จะลงไปสู้สนาม
"เราไม่ย่อท้อ เราไม่ท้อถอย และเชื่อมั่นว่า 4 แสนเสียงเป็นเรื่องหมูๆ เราจะเน้นกลยุทธ์การหาเสียงแบบปากต่อปาก เพราะเราไม่มีเงินมาก" นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี ยืนยันว่า การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังธรรมใหม่ต่อสู้ตามแนวทางของพรรคฯ โดยไม่ได้จับมือกับพรรคอื่น เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีการเจรจากับพรรคเล็กเกือบ 20 พรรค พบว่าแต่ละพรรคมีความเป็นตัวของตัวเอง จนถึงวันนี้ก็มีหลายพรรคที่มาร่วมกับพลังธรรมใหม่ แต่มาในนามส่วนตัว ไม่ได้มาในนามพรรค
โดยกลยุทธ์ของพรรค จะไม่ส่งผู้สมัครครบทุกเขต แต่อาจจะส่ง ส.ส.เขต เพียงภาคและ 1 คนเท่านั้น เพราะมองว่าสังคมการเมืองปัจจุบัน หากไม่มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ไม่มีทางชนะ ส.ส.เขต พรรคจึงเน้นการหาคะแนนพรรค เพื่อมุ่งเป้าให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยจะมีแกนนำพรรคที่จะออกหาเสียงให้พรรคเกือบ 400 เขตทั่วประเทศ โดยเป้าหมายในการเลือกตั้ง ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ประมาณ 1.5 ล้านเสียง
ส่วนจุดยืนเรื่องจะร่วมรัฐบาลกับใคร ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นพ.ระวี ตอบว่า จะรอคะแนนเสียงจากประชาชนว่าพรรคใดได้คะแนนเท่าไร พรรคพลังธรรมใหม่ได้คะแนนเท่าไร จุดยืนพรรคพลังธรรมใหม่ ไม่ได้จะอยู่กับพรรคไหน
"เราถือจุดยืนอยู่ข้างประชาชน และเราถือว่าหากเราร่วมรัฐบาลไหน รัฐบาลตอบรับนโยบายของเราในการดำเนินการ และเกิดผลดีได้หรือไม่ เราไม่สนใจ เราไม่อยู่กับลุงก็ได้ เราอยู่กับพี่ก็ได้ อยู่กับน้าก็ได้ อยู่กับใครก็ได้ แต่ขอให้คนนั้นตัดสินใจรับนโยบายพรรคพลังธรรมใหม่ที่มาจากประชาชน" นพ.ระวีกล่าว