นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย, นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย, นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการ, นายจิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย, นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล, นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล, นายองอาจ วชิรพงศ์ และนายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบตัวแทนกลุ่มชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา
นายเศรษฐา กล่าวว่า ที่นี่คือจังหวัดแรกที่ได้มาลงพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งจากที่ได้รับฟังปัญหาจากตัวแทนกลุ่มชาวนาทำให้รู้ว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ในหลุมดำกับดักรายได้ต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ดี ปัญหาหลายอย่างของชาวนา เช่น ปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำแก้ได้ แต่ขาดการใส่ใจดูแลจากรัฐบาล
ส่วนปัญหาน้ำท่วม ตนได้ศึกษาข้อมูล และพบว่าในหลายอำเภอที่มีการทำนา มีปัญหาน้ำท่วมหนัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีแผนงานที่จะทำซับเวย์เพื่อกักเก็บน้ำ และจะต้องมีการขุดบ่อน้ำเพื่อใช้ในหน้าแล้ง รวมไปถึงจะต้องจัดหาปั๊มน้ำให้ชาวนาไว้ใช้สำหรับทำนาด้วย
ส่วนปัญหาเรื่องหนี้สิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญตรงนี้จะต้องจัดการให้หมดไป พรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่าหากมีหนี้สิน ชาวนาทำนาเท่าไรก็ต้องนำเงินไปใช้หนี้หมด ทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย ซึ่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ติดต่อทำการค้ากับต่างประเทศเท่าที่ควร ซึ่งหากเพื่อไทยได้ ส.ส.ทั้ง 5 เขตในอยุธยา ก็จะเป็นถนนที่กรุยทางให้เราไปสู่ทำเนียบรัฐบาล ไปจัดการเรื่องการค้ากับต่างประเทศ นอกจากนี้ หากมีนวัตกรรมที่ถูกต้อง ตรงจุด จะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าวได้ถึง 1,200 กก.ต่อไร่เลยทีเดียว
สุดท้ายเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของชาวนา คือเรื่องของสุขภาพ ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน จึงมีแนวคิดที่จะยกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้ดี และครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อชาวนาจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง
จากนั้น นายเศรษฐา ได้ร่วมล้อมวงรับประทานอาหารกลางวันกับกลุ่มชาวนา พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างรับประทานอาหารด้วยกัน
นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมถึงการที่ชาวนาขอให้ราคาข้าวไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาทว่า ราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น หากราคาข้าวแพง แต่ต้นทุนสูง เงินเข้ากระเป๋าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อไร่ โดยหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย คือ ทำให้จำนวนเงินที่สุทธิที่จะเข้ากระเป๋าเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงเวลาที่เราเป็นรัฐบาลจาก 1,000 บาท ให้เป็น 3,000 บาท โดยจะต้องทำทั้งการเพิ่มราคาข้าว ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มผลิตผลไปด้วยกัน
ส่วนเรื่องปุ๋ย พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ โดยจะมีการสร้างผลผลิตในท้องถิ่นมาทดแทนปุ๋ยเคมีที่ราคาขึ้นลงตามราคาตลาดโลก และมีหลายปัจจัยมาควบคุม ซึ่งหากใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะสามารถควบคุมอนาคตของเราเองได้
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเคยประสบอุบัติเหตุเรื่องจำนำข้าว จะทำให้มีนโยบายต่างจากเดิมหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคมุ่งที่รายได้สุทธิที่จะเข้ากระเป๋าของชาวนา แต่จำนำข้าวเป็นเรื่องที่มุ่งไปที่ราคาพืชผล นโยบายของพรรควันนี้ คือนโยบายภาพรวมที่จะทำให้ชาวนามีเงินในกระเป๋าสูงกว่าเดิม 3 เท่า
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย จะประกาศนโยบายใหม่เพิ่มเติมในวันที่ 17 มี.ค. จะสามารถเรียกคะแนนนิยมให้พรรคได้หรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า "ต้องรอดู เราจะมีการประกาศนโยบายใหญ่ ซึ่งจะฮือฮา และกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร"