นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (กก.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศแลนด์สไลด์ส.ส.ให้ได้ 310 ที่นั่ง และหวังจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ว่า ทุกพรรคมีสิทธิเสนอเป้าหมาย ส่วนพรรคก้าวไกลพยายามให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์นโยบาย และใช้ความสดใหม่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคลงพื้นที่เพื่อทำแต้ม และเชื่อว่าคะแนนจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระดับเขต
นอกจากนี้ พรรคฯ มีจุดยืนที่ชัดเจนจะไม่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะโจทย์ของประเทศไทยคือการออกจากมรดกของคณะรัฐประหาร เพื่อสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. อาสาเป็นโซ่กลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะมาชุบตัวบอกว่าตัวเองอยู่ข้างประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่ได้พยายามหยุดยั้งความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตย และเข้าร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมมาโดยตลอด พรรคฯ จึงมองทั้ง 2 คนเป็นเนื้อเดียวกัน
"เราไม่ให้ราคาในสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร เสนอ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิวาดฝัน แต่เราต้องยอมรับว่า ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ การจัดตั้งรัฐบาลต้องรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าจะให้ปลอดภัย ต้องรวมเสียงให้ได้ 270 เสียง" นายรังสิมันต์ กล่าว
สำหรับเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคฯ มีการประเมินเป็นระยะๆ แต่ครั้งนี้คาดหวังว่าจะได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวต 9 ล้านคะแนน เมื่อหารด้วย 3.5 แสนคะแนน ทำให้จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 25-26 ที่นั่ง ส่วนระดับเขต พรรคฯ หวังว่าจะชนะในเขตพื้นที่เดิม และเขตที่เกือบชนะในจังหวัดที่บอกกันว่ามีบ้านใหญ่และมีเจ้าของแล้ว เช่น ชุมพร และสุโขทัย
"จากการลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชน พรรคฯ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่ได้ทำให้เห็นแล้วว่าพรรคเราไม่ได้ดีแต่พูด จึงคาดหวังว่าจะได้ ส.ส.จำนวน 70 คนขึ้นไป และคาดหวังว่าจะเกินหลักร้อยคน ซึ่งต้องทำงานหนัก จึงขอฝากถึงประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ให้เลือกพรรคก้าวไกล" นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนการจะจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคฯ ไม่เคยปิดกั้นการร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ปิดอยู่แค่ 2 พรรค คือ รทสช. และ พปชร. เพราะจะไม่เอาผลประโยชน์ของประชาชนไปแลก อย่างไรก็ดี มองว่าทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งที่จะออกมา