พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมบรรดาแกนนำและว่างที่ผู้สมัครส.ส. จ.พิจิตร ร่วมเวทีปราศรัยที่จ.พิจิตร
นายเศรษฐา ระบุถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรเป็นครั้งแรกว่า "จริงๆ แล้ว เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบปะกับพี่น้องประชาชนในเวทีใหญ่"
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาเตือนหาก เป็นนักการเมืองต้องทิ้งภาพนักธุรกิจว่า ก็เป็นคำเตือน ซึ่งน้อมรับ โดยการที่ตนเข้ามาทำงานการเมืองก็มีขั้นตอนจะสลัดภาพ ตัวเองออกจากนักธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็นการลางานโดยไม่รับผลตอบแทนโอนหุ้นให้บุตรธิดา ก็ต้อง ดำเนินการจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว แสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนในระยะยาวก็ขอให้ดูกันต่อไปแล้วกัน ก็ขอขอบคุณสำหรับคำเตือนของนายวันชัย ก็จะไม่ลืมจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเอาบ้านเมืองและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ส่วนหากจะซ้ำรอยเดิมเหมือนนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า คิดว่าระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาขย่มรายวันนั้น นายเศรษฐา ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลใดๆ ตนรู้จักนายชูวิทย์ เพราะเป็นนักธุรกิจมา 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะก็คงเป็นคำเตือน วิธีการเตือนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปซึ่งก็ขอน้อมรับไว้ "ผมว่าการที่ก้าวเข้าไปจากการเป็นนักธุรกิจการเมืองและเปลี่ยนบทบาทเป็นนักการเมืองจะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยมันก็ไม่ใช่ก็ยอมรับว่ามันมีความหวาดระแวงกลัวมากที่สุดกลัว แต่ที่กลัวมากที่สุดก็คือกลัวว่าจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่วันนี้คือการมาพบปะกับพี่น้องประชาชนประชาชนพบกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ น่าจะเป็นบันไดขั้นหนึ่งที่ส่งต่อให้เรา มีสิทธิ์เข้าไปจัดการบริหารบ้านเมือง หวังว่าพี่น้องชาวพิจิตรคงจะเลือกพรรคเพื่อไทยยกทั้ง 3 เขต เพื่อให้ ส.ส. 310 เสียง ถือว่าเป็น คำเตือนเพราะเราอยู่ในพื้นที่ของสาธารณะที่ต้องรับคำเตือนคำแนะนำอยู่ที่การปฏิบัติตัวของตัวเราเองมากกว่า" นายเศรษฐา กล่าว