เครือมติชน จัดเวทีเลือกตั้ง'66 บทใหม่ประเทศไทย ในหัวข้อ "ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง" โดยมีตัวแทนจาก 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคภูมิใจไทย, พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคชาติไทยพัฒนา และ พรรคไทยสร้างไทย โดยในรอบ 3 เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคในการ "ประกาศจุดแข็ง"
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคมีจุดแข็ง คือ คิดต่าง ทำให้ประชาชนทุกคนชนะ หลุดพ้นจากการรัฐประหาร ก้าวข้ามความขัดแย้ง ให้ประเทศสามารถเดินต่อไปได้ โดยรวบรวมประสบการณ์ของแกนนำมาพัฒนาประเทศดูแลตั้งแต่เกินจนแก่, การดูแลเอสเอ็มอี เปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจจากปิรามิดเป็นลูกรักบี้, สร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ เป็นศูนย์การการเดินทางและเศรษฐกิจโลก, ศูนย์กลางการลงทุน, การเชื่อมความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-อินเดีย-ไทย, การปราบโกงให้ติดคุก
นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริยเดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเสนอนโยบายแลนด์สไลด์นั้นไม่ใช่เพื่อพรรคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทวงคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน การจัดตั้งรัฐบาลได้ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่าวุฒิสภา และนโยบายของพรรคที่ไม่ใช่การแจก แต่เป็นการสอนให้รู้วิธีทำมาหากิน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 นั้นจะเสนอให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมาดำเนินการ สำหรับนโยบายที่พรรคนำเสนอมาจากการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและมีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีจุดแข็งหลัก 3 ประการ คือ 1.อุดมการณ์ ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นประชุม ต้องเป็นประชาธิปไตยสุจริต และอุดมการณ์ท้องอิ่ม 2.นโยบายสร้างเงิน สร้างงาน สร้างชาติ และ 3.ผลงานในอดีต เช่น ประกันรายได้สินค้าเกษตร ซึ่งจะเห็นว่าตลอดอายุรัฐบาลนี้ไม่มีม็อบมาประท้วงเลย
นายวราวุธ ศิลอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นโยบายที่แก้ปัญหาในวันนี้แล้วไม่สร้างปัญหาในอนาคต สามารถดูแลทุกคนอย่างเสมอภาค และเป็นการพลิกโฉมประเทศในเวทีโลก พรรคจึงมีแนวคิดตั้งคาร์บอนเครดิตเซ็นเตอร์เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการนำร่องไปแล้วใน 8 จังหวัด
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคคือ "การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต" โดยมองว่าการเมืองกับปากท้องเป็นเรื่องเดียวกัน การสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจต้องควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำ และมองปัญหาเป็นโอกาสในการสร้างงานควบคู่ไปกับการซ่อมประเทศ โดยเชื่อว่ารัฐสวัสดิการคือคำตอบ ทางออกของประเทศ ทั้งแก่สังคมและเศรษฐกิจ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ถ้าประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลจะได้ 3 อย่าง คือ 1.มีเรา-ไม่มีความขัดแย้ง ได้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 2. มีเรา-ค่าครองชีพลดทันที ประชาชนมีรายได้เพิ่ม คนไทยทุกช่วงวัยได้รับการดูแลค่าครองชีพ จากนโยบายพลังงานเพื่อประชาชน, ประชาชน 14 ล้านคน มีรายได้เพิ่มทันทีจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ป้อม 700) และคนไทยทุกช่วงวัยได้รับการดูแล จากนโยบายแม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ ถึงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ 3. มีเรา-เศรษฐกิจฐานรากฟื้น ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม สร้างงานที่ระดับฐานราก, SMEs ประชารัฐ พลิกฟื้น ตั้งตัว มั่นคง และยกระดับเครื่องยนต์เดิม เพิ่มเติมเศรษฐกิจใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือไม่เป็นปัจจัยของความขัดแย้ง ไม่เอาชนะพรรคการเมืองด้วยกัน ส่วนจุดขายคือต้องทำได้จริง ตัดสินสิ่งที่เป็นประโยชน์ และกล้าคัดค้านสิ่งไม่ถูกต้อง เคารพกติกา และผลักดันให้ประเทศเดินหน้า ขณะเดียวกัน จะทำให้รากฐานของประชาชนมีความเข้มแข็ง ผ่านระบบที่ลดความเหลื่อมล้ำ คนไทยต้องมีสุขภาพดี เดินทางสะดวก ประกอบธุรกิจและอาชีพโดยไม่มีการกีดกันใดๆ และจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาถิ่นกำเนิดของตนเอง และจุดแข็ง คือ ทำได้แน่นอน สามารถประสานเชื่อมทุกพรรคให้เกิดความสามัคคี และความสงบของคนในชาติ ทำได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มีงาน มีเงิน ของไม่แพง โดยการรบบนจุดแข็ง โดยเฉพาะ1.การนำสินค้าเกษตรมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 2.เมืองไทยเป็นอุดมสมบูรณ์ ในการเป็นอาหารป้อนโลก 3.เมืองท่องเที่ยวที่ทั่วโลกยอมรับ และ 4.ซอฟต์พาวเวอร์
ขณะเดียวกันต้องลบสิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรคของประเทศ คือปัญหาความขัดแย้ง และปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง สำหรับนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่น 1.สร้างเศรษฐกิจใหม่ที่อยู่บนความเข้มแข็ง หรือเศรษฐกิจเฉดสี 2.นโยบายท่องเที่ยว สร้างการท่องเที่ยวเป็น 2 เท่าใน 4 ปีข้างหน้า 3.แก้ปัญหาความยากจนที่ภาคอีสาน โดยการสร้างระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4.สร้างมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ 5.รัฐบาลที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างความสะดวก ทันสมัย และลดการทุจริต และ 6.รื้อโครงสร้างพลังงาน เพื่อลดต้นทุนในชีวิตของประชาชน