นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์แก่พรรคการเมือง เช่น เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการแฝงการหาเสียงว่า โดยหลักการแล้ว คือ จะต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคคลการของรัฐ เพื่อหาเสียงที่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น เป็นหลักการที่กฎหมายกำหนดไว้
"นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี มีความแตกต่างจากผู้สมัครพรรคการเมืองคนอื่นๆ ที่ไม่มีตำแหน่งทางราชการ เมื่อใช้ก็จะเข้าข่ายใช้ทรัพยาของรัฐ แต่อีกด้านนายกรัฐมนตรี ยังมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะยังไม่ยุบสภา และมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินไปตรวจราชการ อาจจะสร้างขึ้นมาว่าไม่มีราชการ แต่ท่านไปตรวจ ก็ถือว่าเป็นงานราชการ ก็เหมือนกับที่ พล.อ.ประวิตร ไปตรวจน้ำท่วม และรัฐมนตรีไปเปิดงานต่างๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดาในการทำงาน หากปฏิบัติอยู่ในกรอบนี้ แต่หลังยุบสภาจะต้องระวังมากกว่านี้ ซึ่ง กกต.จะกำหนดเกณฑ์กติกาอีกครั้ง" นายวิษณุ ระบุ
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ถี่ขึ้น จะสามารถให้เหตุผลว่าเป็นการลงพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดเกียร์ว่างช่วงรอยต่อการทำงานได้หรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรีเอง เพราะใครก็ตามที่มีศักยภาพ และความตั้งใจว่าจะลงสมัครส.ส. จะต้องมีความระมัดระวัง ซึ่งแตกต่างจากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และตน ที่ชัดเจนว่าไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.
อย่างไรก็ดี หากผู้ร้องจะใช้หลักฐานจากการเกณฑ์คนมารับฟังนายกฯ ในระหว่างลงพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การมัดตัวว่าใช้ทรัพยากรของรัฐได้หรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นหลักฐานหนึ่ง ถ้าพิสูจน์ได้อย่างนั้น
"หลังยุบสภา จะมีความชัดเจนแนวทางปฏิบัติมากขึ้น เพราะก่อนยุบสภา กกต.ก็สองจิตสองใจที่จะเตือน เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้สมัครบ้าง แต่กรณีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ กกต.ได้แจ้งเตือนไปแล้ว" นายวิษณุ ระบุ