นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 18-19 มี.ค.66 พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่และเปิดปราศรัย ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง นำทีมโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แกนนำพรรค รวมทั้งนายสนธยา คุณปลื้ม ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย แกนนำคนสำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออก ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดชลบุรีด้วย
วันที่ 18 มีนาคม 2566 :
- ช่วงเช้า จะลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการ, นักธุรกิจ, ภาคอุตสาหกรรม
- ช่วงเย็น จะเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
วันที่ 19 มีนาคม 2566 :
- ช่วงเช้า จะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งชลบุรีและภาคตะวันออก มีทั้งทะเลประมง และทะเลท่องเที่ยว เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่รู้จักกันทั่วโลก ซึ่งเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การท่องเที่ยวจะเป็นความหวังสำคัญ นำรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาล
- ช่วงบ่าย จะพบปะพ่อค้าแม่ค้าชาวประมง ณ วิสาหกิจชุมชนเรือเล็กเก้ายอด และพบปะนักธุรกิจพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ชี้แจงนโยบาย
- ช่วงเย็น เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ลานหมู่บ้านเพลินใจ 5 ข้างขนส่งใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
โดยไฮไลท์สำคัญของการลงพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง จะเป็นเวทีปราศรัยใหญ่หลังการเปิดตัวผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครบ 400 คน 400 เขต และประกาศนโยบายสำคัญที่จะใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ถ้าได้รับความไว้วางใจ แลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาลจากประชาชน จะใช้นโยบายนี้ในการแก้ปัญหาประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจ คืนอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สนามเลือกตั้งในภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรี มีจำนวนเก้าอี้ ส.ส.มากที่สุดในภาคตะวันออก ซึ่งพรรคเพื่อไทย มีผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นำโดยนายสนธยา คุณปลื้ม ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญ น่าจะมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดังนั้น การเปิดเวทีในวันที่ 18 มี.ค.นี้ จึงมีนัยสำคัญ โดยพรรคเพื่อไทยจะนำนโยบายไปประกาศให้ชาวภาคตะวันออกได้รับทราบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ น่าจะเชื่อมั่นว่าฐานที่ชลบุรีแข็งแกร่งระดับหนึ่ง แต่ทีมพรรคเพื่อไทยที่ลงสนามครั้งนี้มีความผูกพันกับคนในพื้นที่ชลบุรีมาอย่างยาวนาน เป็นบุคคลระดับอดีตรัฐมนตรี ส.ส.หลายคน ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ฐานคะแนนฝ่ายประชาธิปไตยมีโอกาสปักธงได้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ประกอบกับความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งกระทบกับสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ การทำมาหากินของคนในพื้นที่ภาคตะวันออกโดยตรง ธุรกิจท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ช่วงโควิด และการฟื้นฟูหลังโควิดผ่านพ้นไปก็ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพและยุทธศาสตร์ ชาวประมงต่างเจ็บปวดกับการจัดการปัญหาประมงที่คำนึงถึงแต่กฎหมาย โดยไม่สนใจผลกระทบกับผู้ประกอบการประมง ทั้งประมงขนาดใหญ่ และประมงพื้นบ้าน
รวมถึงโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เกี่ยวกับภาคตะวันออกโดยตรง ก็ไม่มีผลสำเร็จที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการบริหารพรรค ได้พิจารณาผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อย่างถี่ถ้วน เชื่อว่าไม่เป็นรอง พร้อมนำนโยบายไปถึงประชาชน ด้วยศักยภาพของพรรค จะสามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.ได้แบบแลนด์สไลด์ทั้งชลบุรี และจังหวัดอื่นๆ
"หลายท่านพูดตรงกันว่า พื้นที่ภาคตะวันออก เป็นหมุดหมายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยจะปักธงบรรจุเป้าหมาย 310 ที่นั่ง และจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยได้ ซึ่งการขึ้นเวทีปราศรัย ที่นำโดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว และได้รับความสนใจเป็นอย่างดี น.ส.แพทองธาร ที่อายุครรภ์ใกล้ครบ 8 เดือนแล้ว ยังยืนยันเดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชน ส่วนนายเศรษฐา ก็เดินหน้าลงพื้นที่เต็มสูบ ท่ามกลางบรรยากาศที่ นพ.ชลน่าน ชูธงแลนด์สไลด์ 310 ที่นั่ง ไม่จับมือกับพรรคการเมืองเครือข่ายรัฐบาลปัจจุบัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว