นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน" เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย เผยรู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมอุดมการณ์กับพรรคเพื่อไทย ชี้ 8 ปีของรัฐบาลในการบริหารงาน ประเทศไทยถดถอยลงเรื่อย ประชาชนมีความยากลำบาก เกษตรกรรายได้ลดลง การศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ตลอดจนเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการถูกด้อยสิทธิทางสังคมในเพศที่สาม
นายเศรษฐา ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการสร้าง "กระเป๋าเงินดิจิทัล" (Digital Wallet) ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน พร้อมเงินติดกระเป๋าที่รัฐจะแจกให้ทุกคน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้เฉพาะกับร้านค้าชุมชนใกล้บ้าน ในรัศมี 4 กม.เท่านั้น มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง
"นโยบายนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุ
ส่วนแนวทางด้านการต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยนั้น จะเปิดประตูการค้าและสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของรัฐบาลในการเป็นผู้เจรจาและเชื่อมสายสัมพันธ์กับนานาประเทศ เรียกความมั่นใจ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีโลกให้กลับคืนมา ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากมาย ทั้งจากการค้าระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวที่จะเติบโตขึ้นหลายเท่า และดึงดูดเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาฝากในเมืองไทย เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย และพาสปอร์ตไทย จะต้องสามารถพาคนไทยเดินทางไปได้ทั่วโลก
นายเศรษฐา ได้พูดถึงความสิ้นศรัทธาในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลถัดไป ที่จะเข้ามากอบกู้ศักดิ์ศรีของประชาชนให้มีสิทธิเสรีในการแสดงความคิดเห็น รวมถึงการเกณฑ์ทหารที่ต้องเป็นระบบสมัครใจ คืนเกียรติให้กับกองทัพ และแก้ไขกระบวนการยุติธรรมที่บิดพริ้ว คืนศักดิ์ศรีให้ประชาชนที่ถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ให้สิทธิความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทยจะสร้างความเสมอภาคได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และแก้กฏหมายคืนสิทธิให้กับคนทุกกลุ่ม
พร้อมฝากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้ง 400 คน ให้มาเป็นตัวแทนประชาชนในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีประกาศความพร้อมพรรคเพื่อไทยที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน ขาดความรู้ ความเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะท่ามกลางปัญหาที่ถูกทับถมเอาไว้ หากคิดไม่ใหญ่ เอาไม่อยู่ พร้อมชู 3 นโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
- นโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้ ทำให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี โดยพรรคเพื่อไทย มีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท/เดือน เป็นการเติมเงินในระยะชั่วคราวไปจนกว่านโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะสำเร็จ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น
- นโยบายที่สอง การสร้าง Blockchain ที่จะทำให้ไทยการเป็นศูนย์กลาง Fintech (เทคโนโลยีทางการเงิน) ของอาเซียน เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร ตลอดจนการขายสินค้าล่วงหน้า รวมถึงผู้ที่มีความสามารถทางด้านอื่นๆ ก็จะขายผลงานของตัวเองไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบที่ง่ายเหมือนแอพพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์
- นโยบายที่สาม การแก้ปัญหามลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งพรรคเพื่อไทยตั้งใจจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ประสานความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดการเผาที่สร้างมลพิษ รวมทั้งใช้นโยบายลดภาษีเพื่อสนับสนุนรถยนต์ที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ รวมถึงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่ปล่อยมลพิษในภาคโรงงานอุตสาหกรรมให้หมดไปโดยเร็ว