นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปชช.) ได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของ ส.ส.ในสภา โดยมาจากทุกพรรคฝ่ายค้าน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น หลังจากเคยยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ในคำร้องมาตรา 170 และมาตรา 82 ที่มีผลให้นายศักดิ์สยาม ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มาตรา 144 เป็นเรื่องที่ ส.ส., ส.ว.,กรรมาธิการ ห้ามกระทำการใดๆ ที่ทำให้ตนเองได้ผลประโยชน์จากงบประมาณโดยตรงหรือโดยอ้อม เมื่อผนวกกับความเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่และรับสัมปทานของกระทรวงคมนาคม
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านเคยยื่นคำร้องมาตรา 144 ต่อประธานสภาฯ ตั้งแต่เดือน ม.ค.ให้ตรวจสอบใน 3 มาตรา แต่ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ตีความว่าความผิดตามมาตรา 144 ไม่อยู่อำนาจประธานสภาฯ ที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นจึงได้แยกคำร้องเป็น 2 ฉบับ และวันนี้ได้มายื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของคำร้องแรก โดยเรื่องที่ร้องก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยาม ได้ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ส่วนคำร้องวันนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน
"ไม่ต้องตีความอะไรมากมาย นั่นคือการได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากงบประมาณที่ตนเองดูแล และจะเป็นเหตุผลให้ศาลเห็นว่าการที่นายศักดิ์สยามยังถือหุ้นของบริษัทอยู่จะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะบริษัทนี้ก็รับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคม" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
สิ่งที่อยากฝากว่าคำร้องก่อนหน้านี้จะมีผลสืบเนื่อง คือ ในรัฐธรรมนูญระบุว่า คุณสมบัติของรัฐมนตรีจะต้องไม่เคยถูกถอดถอน หรือวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติในเวลา 2 ปี นั่นหมายความว่าถ้าศาลวินิจฉัยว่านายศักดิ์สยามขาดคุณสมบัติ แปลว่านายศักดิ์สยามจะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้อีก 2 ปี ดังนั้นเชื่อว่าศาลต้องมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่านายศักดิ์สยามจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ก็ตาม ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นบรรทัดฐานว่าลาออกจากตำแหน่งเพื่อหนีการตรวจสอบได้ และทำให้ตนเองไม่ขาดคุณสมบัติ
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เตรียมยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทั้งศาลและองค์กรอิสระคงจะพิจารณาไปตามหลักฐาน คำร้องที่ยื่นไป ในส่วนของนายชูวิทย์นั้นถือเป็นทิศทางที่ดีที่ภาคประชาชนออกมาแล้วกระตุ้นให้องค์กรอิสระทำงานอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กรณีที่นำมายื่นในวันนี้คือการพิจารณางบประมาณปีงบประมาณ 2564 ซึ่งนายศักดิ์สยาม เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2564 และในการพิจารณานายศักดิ์สยาม ก็โหวตรับงบประมาณในวาระ 1-3 ด้วย
สิ่งที่พบคือการเป็น ส.ส.หรือกรรมาธิการของนายศักดิ์สยามนั้น มีบางส่วนที่ทำให้ได้ไปซึ่งการใช้งบประมาณที่พิจารณาในครั้งดังกล่าวรวมกว่า 372 สัญญา โดยสัญญาหนึ่งก็คือ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 38 สัญญา เป็นเงิน 600 ล้านบาท และมีสัญญาอื่นกับกลุ่มบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทยรวม 300 สัญญา เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในวันนี้เราเรียกร้อง 2 ข้อคือ 1.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการพิจารณางบประมาณ และการเป็นกรรมาธิการ การเป็นผู้เสนองบประมาณ รวมทั้งการกระทำอื่นใดนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่ และ 2.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินในส่วนดังกล่าวคืน 4,000 กว่าล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย