นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร คาดว่า วันนี้น่าจะมีประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ออกมา ดังนั้น จึงถือโอกาสนี้รายงานสถานภาพของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพบว่าจนถึงปัจจุบันมีสภาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เหลืออยู่ 393 คน จากเริ่มต้นที่มีอยู่ 500 คน ซึ่งหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จึงทำให้ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค สิ้นสภาพไป 11 คน, มี ส.ส.ที่ศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เรื่องเสียบบัตรแทนกัน 3 คน, มี ส.ส.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 4 คนกรณีขอสร้างสนามฟุตซอล, มี ส.ส.พรรคต่างๆ ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นสมาชิกภาพโดยไม่มีการเลือกตั้งซ่อมและไม่มีการเลื่อนลำดับทดแทน 4 คน และมี ส.ส.ลาออกในช่วง 180 วัน ทำให้สมาชิกลดลงไปอีก 84 คน และเสียชีวิตในช่วงเวลานั้นอีก 1 คน ดังนั้น ในวันนี้จึงเหลือ ส.ส. อยู่ 393 คน
นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าภูมิใจที่สภาอยู่ได้มาจนครบวาระ 4 ปี ซึ่งไม่ได้มีอย่างนี้ทุกครั้งไป ถือว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่จนเกือบครบถ้วน ถ้าไม่มองช่วงปลายที่มีกฎหมายค้างอยู่ เช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มีการพิจารณา เป็นเพราะองค์ประชุมไม่ครบ
"เกือบจะพูดได้ว่า กฎหมายของรัฐบาลได้ผ่านไปเกือบทั้งสิ้น ยกเว้นช่วงปลาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เสนอเข้ามาใหม่ และองค์ประชุมไม่ครบ" ประธานสภาฯ กล่าว
พร้อมระบุว่า จากที่ได้นั่งเป็นประธานสภาฯ ตลอด 4 ปี ตั้งใจจะคุมสภาฯ นี้ให้ถึงที่สุด และคิดว่าสมาชิกใหม่ต้องการคำแนะนำหลายเรื่อง ซึ่งสมาชิกได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมีปรากฏการณ์ใหม่ก็คือ เรื่องการรักษาเวลาการอภิปราย ทำให้ทุกคนได้อภิปราย
สำหรับอนาคต คือ การทำให้สิ่งที่ทำอยู่ 4 ปีนี้ เป็นบทเรียนทั้งในทางบวกและทางลบ ในทางบวกคือการดำรงไว้ซึ่งหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการออกกฎหมาย และการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ส่วนทางลบคือพฤติกรรมใดก็ตามที่เข้ามาหาผลประโยชน์ และการแต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อมาหาผลประโยชน์
"ถ้าพี่น้องสื่อมวลชนไม่ช่วยดำรงข่าวสารที่ให้ประโยชน์กับประชาชน ประชาชนก็จะไม่รู้ข้อเท็จจริง เช่น ความไม่รับผิดชอบของนักการเมือง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยตัดสินใจในการเลือกตั้ง ว่าถ้าเลือกคนซื้อเสียงมา ก็จะได้รับรัฐบาลที่ซื้อเสียง ถ้าเลือกคนดีเข้ามาก็จะได้รัฐบาลที่ดี เพราะรัฐบาลมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ" นายชวนกล่าว