เมื่อนำข้อมูลตัวแปรทั้ง 2 อย่างใส่เข้าไปในระบบแล้ว พบว่า ปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยจะยังไม่เกิดขึ้น การ ก้าวข้ามความขัดแย้งที่พรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้ พรรคการเมืองในขั้วรัฐบาลลุงตู่ยังได้ไปต่อ ขณะที่การย้าย พรรคส่วนใหญ่อยู่ในขั้วเดียวกัน 95% ยกเว้นกลุ่มสามมิตรและกลุ่มพลังชล ทำให้ข้อมูลยังไม่นิ่งต้องรอดูหลังการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบ แบ่งเขตเสร็จแล้ว เพื่อให้การทำโพลมีความน่าเชื่อถือ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของประชาชนก่อนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
คาดการณ์ผลเลือกตั้งปี 2566 จากการคำนวณด้วยรูปแบบการเลือกตั้งระบบใหม่
ฝ่ายค้าน 236 เสียง (189/47) ฝ่ายรัฐบาล 264 เสียง (211/53)
- เพื่อไทย 174 (152/22) - พลังประชารัฐ 142 (118/24)
- อนาคตใหม่ 48 (30/18) - ภูมิใจไทย 59 (48/11)
- ประชาชาติ 9 (7/2) - ประชาธิปัตย์ 48 (37/11)
- เสรีรวมไทย 3 (0/3) - ชาติไทยพัฒนา 9 (7/2)
- เพื่อชาติ 2 (0/2) - รวมพลัง 2 (1/1)- เศรษฐกิจใหม่ 2 (0/2)
- ชาติพัฒนา 1 (0/1)
- พลังท้องถิ่นไท 1 (0/1)
การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่จาก 350 เขตในการเลือกตั้งปี 62 เป็น 400 เขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งปี 66 ย่อมส่งผลกระทบ ต่อฐานเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ เนื่องจากจะมีการโยกย้ายฐานคะแนนเสียงไปด้วย ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างแน่ นอน สำหรับการทำผลวิเคราะห์ครั้งนี้ตนมีความมั่นใจ 100% ยกเว้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น กรณีการย้ายพรรค
"การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่มีผลต่อการแพ้ชนะ ซึ่งเป็นเรื่องนักเลือกตั้งไม่ควรมองข้าม หากใครจะไปลงเลือกตั้งแล้วไม่รู้ข้อมูล ตรงนี้ก็เสียเงินเปล่า" นายธนพร กล่าว
การเมืองไทยมีรูปแบบการคุมเชิงกันมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครที่จะชนะอย่างเด็ดขาด และ ประเทศไทยอาจไม่ต้องการการชนะอย่างเด็ดขาดก็ได้ เราอยู่กันด้วยการเมืองแบบคุมเชิงมาตลอด ไม่ได้มีการรุกกันไปจนไม่มีที่ยืน
นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ผลวิเคราะห์การเลือก ตั้งปี 66 อาจมีปัจจัยที่ทำให้ผลเปลี่ยนแปลงไป เพราะมีเรื่องการย้ายพรรคโดยเฉพาะในกรณีที่พลิกขั้ว และการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ อยาก ให้นำผลเลือกตั้งปี 54 ที่มี 400 เขตเลือกตั้งมาเปรียบเทียบน่าจะเห็นได้ชัดเจนกว่า
ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ย่อมสร้างโอกาสได้เปรียบ-เสียเปรียบให้กับพรรคการเมือง และการเมืองในเชิงอุดมการณ์ของ ไทยไม่ได้แบ่งชัดเจนแค่ 2 ขั้วเท่านั้น เพราะในกลุ่มเสรีนิยมอาจมีทั้งเข้มข้น หรือไม่เอาพรรคใหญ่
การประกาศเป้าหมายแลนด์สไลด์ 310 ที่นั่งของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นการส่งสัญญาณรุกฆาตไปยังพรรคก้าวไกล ที่ต้องการ ดึงฐานเสียงเมื่อปี 62 กลับคืนมา แล้วไปลุ้นจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีโอกาสได้ 250 ที่นั่ง
สิ่งที่อยากเห็นคือ ขอให้ กกต.ออกแบบบัตรเลือกตั้งที่มีรายละเอียดมากที่สุด เพื่อลดจำนวนบัตรเสีย ซึ่งถือเป็นความสำเร็จใน การทำงานของ กกต.ด้วย
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตกรรมการบริหารและโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้เปลี่ยน แปลงไปจากอดีต ทั้งเรื่องย้ายพรรค กระแสความนิยม การย้ายพรรค และความรู้สึกของประชาชน กระแสนิยมในปี 66 ไม่น่าจะใช่ พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนเมื่อปี 62 สำหรับพื้นที่ กทม.ยังเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและ พรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติอาจตัดคะแนนกันเอง
ตนยังกังวลว่าการเลือกตั้งในปีนี้จะเกิดปัญหาหรือไม่ เพราะมีแนวโน้มจะมีการเลือกตั้ง 66/2 และปัญหาความขัดแย้งในสังคม ยังไม่หมดไปง่ายๆ เท่าที่ตนได้สัมผัสมาจากการลงพื้นที่คือ คนเบื่อรัฐบาล และอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จึงจะก้าวไปดูเรื่องการนำ เสนอนโยบายของพรรคการเมือง
"หากย้อนไปดูผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเห็นความชัดเจนว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง" นายสุรนันทน์
ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่เกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ 250-310 ที่นั่ง แต่น่าจะอยู่ที่ 200 บวกลบ 20 ที่นั่ง ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐไม่ถึง 100 ที่นั่ง และเห็นการหาเสียงที่เน้นเรื่องนโยบาย ประชานิยมกันมากจนทำให้ประชาชนสับสน