พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎรว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขอขอบคุณทุกคน รวมถึงสภาผู้แทนราษฎรที่ช่วยกันทำงานมาหลายปี ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ทำสำเร็จและทำไม่สำเร็จบ้าง แต่ขอขอบคุณทุกคนที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ
สำหรับผลงาน 4 ปีของรัฐบาลนั้นต้องไปถามประชาชนว่ามีความพอใจหรือไม่ และได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใด รวมถึงสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งอยากให้กลับไปดูว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมา และมีหลายเรื่องที่ตั้งใจไว้แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ แต่ยังไม่อยากจะพูดตอนนี้ เพราะหลายเรื่องพยายามจะทำแต่ยังติดขัดหลายอย่าง โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่เป็นปัญหาอยู่ หวังว่ารัฐบาลหน้าจะเข้ามาจัดการให้เรียบร้อย
ส่วนตัวภูมิใจการทำงานตลอด 8 ปีที่ผ่านมาคือ ขอบคุณในความร่วมมือของทุกคนโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากหลายอย่างที่ออกมาเป็นนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำมาแล้วทั้งหมด และที่ผ่านมาการดำเนินการ ตามนโยบายที่แยกย่อยออกไปก็จะถูกนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำได้ ดังนั้นในอนาคตจะทำสิ่งใดก็ตามก็จะมีขั้นตอนเช่นนี้ เพราะนโยบายต่างๆ ก็มีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจะอนุมัติงบประมาณให้อย่างไร โดยยึดนโยบายการเงินการคลังด้วย อย่างน้อยรัฐบาลนี้ก็ได้สร้างสิ่งดีๆ ขึ้นมา และสิ่งที่เป็นรายได้ให้แก่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งในการประชุมบีโอไอวันนี้ก็ได้มีการอนุมัติการลงทุนต่างๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศหลายหมื่นล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบว่าจะลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ แต่ในอนาคตก็จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ส่วนการเข้าสู่เส้นทางการเมืองแบบเต็มตัวทางครอบครัวให้ตนเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งตนก็เป็นห่วงครอบครัว และแน่นอนว่าครอบครัวก็ต้องเป็นห่วงตนเช่นกัน เพราะไม่มีใครอยากให้สามีมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องพวกนี้ โดยได้ดูแลสุขภาพและมีความห่วงใย เมื่อมีข้อมูลหรือเรื่องใดๆ ก็เตือนกัน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ในส่วนของการเมืองที่จะดุเดือดมากขึ้นนั้น นางนราพรก็ได้ให้กำลังใจตนตลอด ในฐานะสามีและภริยาก็ต้องให้กำลังใจกัน
ส่วนสนามเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคกี่คนนั้นตนไม่ทราบ และจะต้องมีแคนดิเดทสำรองไว้หรือไม่ เนื่องจากตนจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อีกเพียง 2 ปีก็เป็นเรื่องของพรรคที่จะต้องหารือกัน
พร้อมระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ส่วนรูปแบบการหาเสียงของตนเองนั้นขึ้นอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่จะจัดทำแผนไว้ ซึ่งคงไม่ได้ลงทุกพื้นที่ เนื่องจากมีทั้งเวทีหาเสียงใหญ่และเวทีหาเสียงย่อย