แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปสักการะศาลหลักเมือง พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) และ พระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนการเลือกตั้ง
"วันนี้ถือว่าเป็นวันดี ยุบสภาปุ๊บก็รีบมาไหว้เลย ความจริงก็วางแผนไว้อยู่แล้วว่าอยากจะมาไหว้ศาลหลักเมือง" น.ส.แพทองธาร กล่าว
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้ง หลังมีแนวโน้มว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะกำหนดให้เป็นวันที่ 14 พ.ค. สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งนั้นยังเดินหน้าเต็มที่ต่อไป ไม่มีอะไรมาทำให้ช้าลง ส่วนมีโอกาสที่ชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา
ขณะที่นายเศรษฐา กล่าวว่า หลังจากนี้จะเดินทางไปพบกลุ่มหอการค้า แล้วลงพื้นที่คลองสาน จ.นนทบุรี จ.สระบุรี ซึ่งเดินหน้าเต็มที่ ตอนนี้มีตารางแน่นมากต่อวัน
ส่วนการสานต่องานจากรัฐบาลหากพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปเป็นรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าสถานการณ์มีตัวแปรมาก ต้องขอดูก่อนว่านโยบายที่ทำไว้ทั้งหมด บางอันอาจจะเหมาะสม บางอันอาจจะไม่เหมาะสม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องอยู่ดีกินดีมีความสุข หากเป็นนโยบายที่ดีเราจะต้องเอามาดูอีกครั้ง และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้าง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและกระชับ ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น หากมีเรื่องการเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มก็คงไม่เอาตรงนี้ไว้
ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรายื่นต่อสู้และแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ เพราะไม่สอดคล้องและสอดรับกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องดูคือบริบททางการเมือง รัฐธรรมนูญที่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนที่ช่วยกันยกร่างขึ้นมา และประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไขคือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ
ส่วนกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตหลายพื้นที่แม้จะเปิดตัวไปแล้ว เช่น ที่ จ.พะเยา จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อหลีกทางให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วอยู่ในกระบวนการ การปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีการรับฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่ผ่านช่องทางการทำไพรมารีโหวต กรรมการสรรหา และกรรมการบริหาร ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ตลอด เพราะเป็นขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก กรณีที่ จ.พะเยา ก็ดำเนินการตามขั้นตอน