กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีการตอบโต้กันอย่างดุเดือดผ่านเฟซบุ๊ก ระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ที่มีการตอบโต้กันไปมาในประเด็น "แฉไป ไถไป" หลังวานนี้ทนายตั้มมีการโพสต์ภาพถุงกระดาษที่ใส่เงินก้อนโตไว้ 2 ถุง
ขณะที่นายชูวิทย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับเงิน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้านบาทที่ทนายตั้ม พูดถึงในเฟซบุ๊ก เป็นเงินที่นายตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการคนหนึ่งที่รู้จักมานาน นำมาให้ที่โรงแรมของตนเอง โดยบอกว่าเป็นเงินของ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว ให้ช่วยหยุดการโจมตี แต่ตนเองไม่รับเคลียร์ และได้นำเงินไปบริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลศิริราช และหากมีอีกก็จะนำไปบริจาคอีก
โดยล่าสุด ทั้งทนายตั้ม และนายชูวิทย์ ได้นัดแถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในวันนี้
นายชูวิทย์ ระบุว่า กรณีทนายตั้มกล่าวหาว่าตนได้รับเงินดิจิทัล 50 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง หากมีหลักฐานขอให้นำมาแสดง ส่วนเงินสองถุงๆ ละ 3 ล้านบาทนั้น มีนายตำรวจ 2 นายที่รู้จักกันมานานพยายามยัดเยียดให้ ซึ่งตนได้นำเงินดังกล่าวไปบริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ (14 ก.พ.66) และโรงพยาบาลศิริราช (15 มี.ค.66) แล้วส่งใบเสร็จกลับไปให้เจ้าของเงินดูแล้ว เรื่องนี้สังคมต้องตัดสินว่าตนเป็นคนอย่างไร
"การที่ผมเอาเงินดังกล่าวไปบริจาค เพราะไม่มีทางออก ซึ่งในความจริงควรนำไปแจ้ง ปปง." นายชูวิทย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า อยากรู้ว่าทนายตั้มรับงานมาจากใคร มีวัตถุประสงค์อะไรที่ออกมาพูดตอนนี้ เพราะขณะนี้ตนถูกรุมจากหลายคน
ส่วนเรื่องการเมืองนั้น ตนมีความชัดเจนในภารกิจที่จะทำลายพรรคภูมิใจไทย โดยพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไปและพิสูจน์ในชั้นศาล เพราะเชื่อว่าประชาชนมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมือง ขอยืนยันว่าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ไม่มีใครกล้าพูด ซึ่งหากเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ตนคงไม่มีที่ยืนในสังคม
โดยวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) นายชูวิทย์ จะไปปฏิบัติภารกิจที่ตลาดนัดซอยเฉยพ่วง ซึ่งจะมีเสื้อยืด เข็มกลัด และสติ๊กเกอร์ไปแจกด้วย