พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะมีคนมาช่วยทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช.เป็นจำนวนมากนั้น จะรวมถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ด้วยหรือไม่ว่า "ให้รอฟัง แต่ตอนนี้ก็ช่วยกันอยู่แล้ว ส่วนในอนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต และตอนนี้ยังมีเวลาที่จะทำงานร่วมกันอยู่"
พร้อมระบุว่า การที่ตนอยู่ใน 2 บทบาท ทำให้ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ โดยวันนี้อำนาจในตำแหน่งรักษาการมีอยู่จำกัด และมีข้อห้ามในหลายประเด็น จึงอาจจะทำให้งานบางอย่างล่าช้าไปบ้าง อย่างไรก็ดี ใครจะมาเป็นรัฐบาลต่อไป ก็ไม่ได้รังเกียจ ประเทศไทยไม่ใช่ของตน แต่เป็นของคนไทยทุกคน
ส่วนกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรค รทสช. เสนอให้ตนลงพื้นที่มากขึ้นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากจะลงพื้นที่ ก็ต้องลาราชการไปอยู่แล้ว ซึ่งจากนี้ไปก็ต้องลา เพราะเมื่อกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้นก็ต้องลา จะไปฝ่าฝืนคงไม่ได้
ส่วนการลงพื้นที่เป็นเรื่องที่พรรคได้วางกำหนดการไว้ ในการลงพื้นที่ไปหาเสียงในแต่ละวัน หลังจากที่จะเปิดตัวผู้สมัครทั่วประเทศ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 25 มี.ค.นี้แล้ว ซึ่งตนต้องไปพูดเรื่องที่ทำแล้วและจะทำต่อ รวมถึงมีอะไรที่จะสามารถทำใหม่ได้ จะต้องเร่งแก้ปัญหาอะไรบ้าง เพื่อให้ทันต่อโลกในปัจจุบัน
ปัญหาเดิมที่เราต้องแก้ไข คือ การดูแลผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของรายได้ แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันการเดินหน้าประเทศอีกด้านหนึ่ง คือต้องทำให้มีรายได้เข้ามา เพื่อดูแลคนเหล่านี้และพัฒนาประเทศให้มีรายได้สูงขึ้น นี่คืออนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกพรรคก็หวังจะได้คะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์เหมือนกัน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
"คำว่าแลนด์สไลด์ สไลด์ไปไหนก็ไม่รู้ เพราะถ้าลงไม่ดี ก็สไลด์ออกนอกเลนไป เจ็บตัวอีก ผมไม่พูดว่าจะสไลด์หรือไม่สไลด์ ผมแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจ และมองว่าประเทศไทยอยู่มาถึงวันนี้ด้วยอะไร และจะอยู่กันอย่างไรต่อไป เราต้องมีรัฐบาลที่ไว้ใจได้ มีรัฐบาลที่นึกถึงคนที่มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงจะดูแลดำเนินการอย่างไร เราก็ได้มีการเริ่มต้นมาแล้ว ผมขอพูดในนามรัฐบาล เพราะนโยบายหลายพรรคการเมืองก็ตรงกันหมด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งถ้าเราทำมากเกินไป ประเทศก็เสียหายเยอะ ทำไมจะไม่อยากดูแล" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามหามาตรการที่เหมาะสม และไม่มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณของแผ่นดิน รวมไปถึงวินัยการเงินการคลังของประเทศ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกยังคงมีความผันผวนตลอดเวลา ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งวันนี้ปัญหายังมีอยู่มากพอสมควร ดังนั้นต้องเตรียมมาตรการรองรับ โดยขณะนี้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำกับดูแลภาคการเงินการธนาคารทั้งหมด ซึ่งถือว่าเรายังปลอดภัยอยู่ แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วย เพราะวันนี้โลกผันผวนมาก
ส่วนกรณีที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ คุกเข่าขอขมา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว และเข้าใจเวลาที่เขาทำงานในสภาฯ
"ทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว เขาก็ทำและพูดได้ทุกอย่างตามความเชื่อของเขา แต่เมื่อวาน เขาก็มาขอโทษอะไรต่างๆ เหล่านี้ ผมก็เข้าใจบทบาทในสภา เขาเป็นฝ่ายค้านก็ต้องพยายามค้านให้ได้มากที่สุด แต่อาจจะเกินเลยไปบ้าง ผมก็ให้อภัยได้ เมื่อวานเขาก็มาพูดว่า เขายินดีที่ได้มาร่วมงานที่นี่ ไม่ได้โดนใครบังคับอะไรทั้งสิ้น และผมเป็นคนเชื่อถือได้ จากการตรวจสอบที่ผ่านมาทั้งหมด ว่าไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลยทั้งสิ้น เขาจึงกลับมาช่วยงานเราในครั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าก็ให้อภัยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
กรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้วโจมตีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อย่าไปพูดถึงเขาเลย"
ส่วนกรณีมีข่าวจะไม่มีการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี ระบุสั้นๆ ว่า "ข่าวลือ ก็คือข่าวลือ"